รีวิว อะนิเมะ – The House
The House เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นสต็อปโมชันสำหรับผู้ใหญ่ของอังกฤษในปี 2022 ที่เขียนโดย Enda Walsh และบอกเล่าเรื่องราวที่แตกต่างกันสามเรื่อง
ฉายครั้งแรก: 14 มกราคม 2565
ผู้กำกับ: นิกิ ลินดร็อธ ฟอน บาหร์, พาโลมา บาเอซ่า, Emma De Swaef, มาร์ค เจมส์ โรลส์
บทภาพยนตร์: เอ็นด้า วอลช์
ผู้ตัดต่อ: บาร์นีย์ พิลลิง
ประพันธ์ดนตรีโดย: กุสตาโว ซานตาโอลาย่า
บริษัทที่ผลิต: Nexus Studios, Netflix Animation
The House (Netflix) เป็นแอนิเมชั่นภาพยนตร์เรื่องสั้นสยองขวัญ ผลิตโดยสตูดิโอ Nexus Studios ผู้เป็นเบื้องหลังซีจีและแอนิเมชั่นให้กับ ดีสนีย์ เน็ตฟลิกซ์ และโซนี่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นไม่กี่เรื่องจาก Original Netflix ที่ได้เป็น stop-motion animation และทำตัวอย่างออกมาได้หลากหลายอารมณ์ จึงรู้สึกน่าจับตามองเรื่องนี้เป็นพิเศษ ถ้าสนใจลองมารับชมตัวอย่างกันได้เลย
เดอะ เฮาส์ 2021 เป็นภาพยนตร์ Stop-motion animation สยองขวัญแบ่งออกเป็นสามเรื่องย่อยที่มีเนื้อหาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเกี่ยวกับบ้านที่มีความลึกลับและเรื่องสยองรออยู่ นี้เป็นหนังที่ใช้ผู้กำกับหลายคน เพื่อให้เนื้อเรื่องและอรรถรสในแต่ละตอนมีความแตกต่างกัน
รีวิว อะนิเมะ – The House เนื้อเรื่อง
The House เป็นหนังรวมแอนิเมชั่นแบบ Stop Motion ขนาดสั้น 3 ตอนที่เนื้อเรื่องไม่ต่อกัน โดยทั้ง 3 เรื่องมีธีมเดียวกันคือ “บ้าน” แม้จะเป็นแอนิเมชั่นแต่ก็เป็นแอนิเมชั่นสำหรับผู้ใหญ่ เรื่องจะมีความซีเรียสและออกแนวสยองขวัญด้วยซ้ำ เรื่องแรกเล่าเรื่องราวของครอบครัวยากจนที่อยู่ดีๆ ก็ได้รับข้อเสนอให้ย้ายไปอยู่ในบ้านหลังใหญ่แบบฟรีๆ แต่พอย้ายไปอยู๋ ทุกคนกลับทำตัวแปลกไป
เรื่องที่สองเกี่ยวกับหนูนักรีโนเวตบ้านที่กำลังเจอปัญหาโหมกระหน่ำใส่ในทุกๆ ทาง โดยหวังว่าผลงานครั้งนี้จะทำให้เขาสามารถลืมตาอ้าปากได้ เรื่องสุดท้ายเกี่ยวกับผู้ดูแลอพาร์ตเมนท์ในเขตน้ำท่วมที่ฝันว่าสักวันเธอจะสามารถซ่อมแซมอพาร์ตเมนต์นี้ให้สวยงาม และเต็มไปด้วยผู้คนอีกครั้ง
เรื่องแรกเป็นผลงานของผู้กำกับ Marc James Roels และ Emma de Swaef เรื่องราวในยุคอดีต เรื่องยศถาบรรดาศักดิ์ยังเป็นตัวชี้วัดสถานะครอบครัว นี้เป็นเรื่องราวของบ้านแห่งความละโมภ และอิจฉาริษยา ที่ต้องการอำนาจ ซึ่งหลังการเยี่ยมญาติของฝ่ายหญิงที่ต้องการมาดูชีวิตความเป็นอยู่น้องสาวเธอ เธอพบว่าบ้านหลังนี้สกปรกและดูถูกก่นด่าสามีของน้องสาว จนเกิดปมในใจสามี วันหนึ่งเขาเมาเหล้า และบังเอิญไปเห็นสถาปนิกคนหนึ่งที่มีหนวดเคราสีขาว รอยยิ้มของเขาเหมือนดั่งปีศาจ สถาปนิกคนนี้ต้องการจะให้บ้านอันใหญ่โตแก่ชายเมาคนนั้น
พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาหารสุดหรูสามมื้อ ผ้าถักร้อยอย่างดี เสื้อผ้าใหม่สุดหรู โดยที่ไม่ต้องจ่ายสิ่งใด เขาต้องการเพียงแค่ให้ครอบครัวของชายคนนั้น ย้ายเข้ามาบ้านหลังใหม่ทันทีหลังจากสร้างเสร็จ เขาจึงต้องกลับไปปรึกษาฝั่งภรรยาก่อนที่จะตอบตกลง และเมื่อเขาเล่าให้เธอฟัง เธอเองก็เห็นชอบด้วย เขาจึงทำสัญญาแล้วพาครอบครัวที่ประกอบด้วยสามี ภรรยา และลูกสาวทั้งสองคน
ย้ายไปยังคฤหาสน์หรู แต่ที่แห่งนี้มีเรื่องลึกลับคือ การปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายในบ้านตลอดเวลา ช่างก่อสร้างที่ทำงานไม่หยุด และไร้เสียงตอบรับจากผู้อื่น ผู้ดูแลบ้านที่เหมือนเก็บซ่อนอะไรบางอย่างไว้ นี้จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสยองขวัญของครอบครัวนี้
จุดเด่นของเรื่องแรกคือเสียงประกอบฉากอันสยองขวัญ เสียงที่ได้ยินคือเสียงอันโหยหวนของคน เมื่อเริ่มเข้ามาภายในบ้าน พร้อมกับบรรยากาศอันแสนเงียบเหงา มันเป็นบ้านที่ดูลึกลับไร้ผู้คน ทั้งที่มีผู้คนมากมาย ทำให้เรื่องมีความน่ากลัว แม้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ความลึกลับเหล่านี้ทำให้ผู้ชมเกิดความตื่นกลัว และเริ่มสังเกตุความผิดปกติของบ้านหลังนี้ มันคือบรรยากาศสุดหลอนแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่บ้านหลังหนึ่ง
แต่ข้อเสียก็คือตัวเรื่องคือการแสดงออกทางสีหน้ายังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ เนื้อเรื่องเหมือนนิทานสยองขวัญทั่วไป ที่ไม่ได้มีเนื้อลึกซึ่งเท่าไหร่ สถาปนิกที่เข้ามาเสนอข้อตกลงก็ไม่มีที่มาที่ไป และตอนจบที่ห้วนเกินไป จึงทำให้ความสนุกลดลงไปอย่างมาก ในจุดจบของเรื่อง
เรื่องที่สองกำกับโดย Niki Lindroth von Bahr เรื่องราวของบ้านที่ต้องการคนรัก ซึ่งในยุคปัจจุบัน หนูเป็นสัตว์สังคมแทนที่มนุษย์ นี้จึงเป็นการเล่าชีวิตของหนูสถาปนิกไร้สังกัดตัวหนึ่ง ไร้คนช่วย ไร้พนักงาน เขาติดหนี้สินจากธนาคารเพื่อนำมาสร้างบ้านขายให้แก่คนอื่น เพื่อจะนำไปเที่ยวกับแฟนของเขา เขาจึงหาวิธีการอย่างไรก็ได้ให้ประหยัดเงินมากที่สุด จึงเลือกตกแต่งสิ่งของภายในบ้านด้วยตัวคนเดียวโดยไม่มีลูกจ้างช่วย
และต้องกำจัดเหล่าแมลงที่จะมากินบ้านของเขา ซึ่งสัปดาห์หน้าจะเริ่มงานเยี่ยมชมบ้านแล้ว เขาจะทำอย่างไรถึงจะทำลายแมลงเหล่านี้ได้หมด บอกเลยว่าเนื้อเรื่องบทนี้น่าเกลียด น่าขยะแขยงอย่างแน่นอน
ในเรื่องสั้นเรื่องนี้ผู้ชมจะได้รับประสบการณ์ความสยดสยอง ความน่าแขยงของเหล่าแมลง และสิ่งอื่นอีกมากมายภายในเรื่อง ความน่าขยะแขยงนี้คือตัวแทนของบ้านหลังนี้ นอกจากนี้พล็อตเรื่องยังมีการหักมุมทำให้่เกิดมุมมองใหม่ ๆ เข้ามา จนน่ากลับไปดูและคิดทบทวนใหม่อีกรอบ ถึงแม้ต้นเรื่องจะเป็นการปูเรื่องตัวละครที่น่าเบื่อแต่ช่วงท้ายทำให้เรื่องหักมุมอย่างมาก ถ้าถามว่าตอนไหนสนุกสุด ก็คงต้องตอบว่าตอนนี้เลย
อนิเมะงานคุณภาพระดับลงโรงที่มาลงในเน็ตฟลิกซ์ ความงามของภาพสุดติ่ง เพลินตากับความลื่นไหลสวยงามของฟรีรันนิ่งพร้อมเพลงประกอบเพราะๆ ตัวละครนางเอกที่เก็บดีเทลรายละเอียดได้งามสุดๆ โดดเด่นเป็นหน้าตาหลักของเรื่อง แต่ตัวบทอ่อนมาก ขาดดีเทลการลงรายละเอียดในทุกเรื่อง จนเหมือนเรากำลังดูงานภาพสวยๆ ที่มีเนื้อเรื่องเป็นแค่ส่วนประกอบแปะพ่วงมาเท่านั้น
นอกจากนี้งานภาพยังเน้นที่ตัวนางเอกแบบบรรจงสุดๆ อย่างเห็นชัดโดดมาจากตัวละครอื่นทั้งหมดไปเลย ซึ่งเข้าใจแหละว่าแนวอนิเมะตัวละครสาวน้อยน่ารักคือจุดขาย ซึ่งก็ตอบโจทย์เลยเพราะดีไซน์คาแรกเตอร์ เครื่องแต่งกาย นิสัยบ๊องๆ น่ารัก คือสูตรสำเร็จแฟนอนิเมะตรงๆ เลย แล้วยังเน้นความปราณีตในลายเส้นความคมพื้นผิวเวลาโคลสอัพให้ละเอียดชัดสุดๆ เหมือนนางเอกเป็นตัวละคร 4k อยู่คนเดียวทั้งเรื่องแบบนั้นได้เลย
เรื่องที่สามกำกับโดย Paloma Baeza เรื่องราวบ้านลอยน้ำกลางความโดดเดี่ยว ไร้ซึ่งเพื่อนบ้าน และบ้านกำลังจะจมอีกภายในอีกไม่กี่วัน มีแมวทั้งหมดสามชีวิตอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังนี้ โรซ่าผู้เป็นเจ้าของบ้านต้องการที่จะซ่อมบ้านหลังนี้ให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง แต่ว่าลูกบ้านของเธอไม่ยอมจ่ายค่าเช่าซักที มีแมวตัวหนึ่งเป็นนักตกปลา เขาคอยตกปลาเพื่อที่จะจ่ายค่าเช่าให้แก่โรซ่าเป็นประจำ
อีกตัวหนึ่งคือแมวผู้ปล่อยวาง เธอเชื่อว่าจิตใจเราต้องทำให้บริสุทธิ์ เธอจึงเลือกที่จะให้หินควบคุมพลังแก้โรซ่าแทนค่าเช่า ซึ่งโรซ่าไม่ได้ต้องการสิ่งเหล่านี้จากแมวทั้งสอง สิ่งที่เธออยากได้คือค่าเช่าเพื่อนำไปซ่อมบ้านเท่านั้น จนกระทั้งวันหนึ่งแมวมีชื่อว่า คอสมอส ได้มาถึงบ้านของเธอ เพื่อที่จะนำจิตใจของเธอก้าวผ่านอดีตไปให้ได้
เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติที่สุดภายในเรื่อง ไม่มีฉากสยองขวัญ เป็นแนวคัมมิ่ง ออฟ เอจ ที่เราจะได้เห็นการก้าวผ่านชีวิตของแมวตัวหนึ่ง เรื่องราวของบ้านที่ต้องการก้าวผ่านตัวเอง แม้จะไม่มีอะไรที่พิเศษกว่าสองเรื่องก่อนหน้านี้ที่เป็นแนวสยองขวัญ เรื่องนี้ต้องการเป็นที่พักให้แก่เหล่าผู้ชมที่ผ่านความน่ากลัว น่าสยดสยองจากสองเรื่องก่อนหน้า
แต่สิ่งที่ตอนนี้ส่งผ่านยังไม่สามารถทำให้ผู้ชมอินไปกับนิสัยและตัวละครได้ จึงทำให้เป็นตอนที่ค่อนข้างน่าเบื่อ และไม่สามารถสื่อประเด็นหลักของเนื้อหาให้ผู้ชมเข้าใจได้ นี้จึงเป็นเรื่องสั้นที่คะแนนน้อยที่สุดจากสามเรื่อง
นอกจากภาพแล้วตัวเรื่องยังใช้เสียงดนตรีมาเป็นเนื้อหาหลักร่วมบอกเล่าไปพร้อมกับภาพด้วย โดยในเรื่องตัวเอกทั้งคู่จะได้ยินเสียงเพลงลึกลับกันอยู่สองคน ซึ่งก็เป็นเสียงก้องกังวาลใสๆ ฟังแล้วไพเราฝห่อารมณ์ลึกลับเข้ากับเรื่องดี
เป็นอนิเมะที่คุณภาพด้านภาพที่สูงมากจริงๆ รีวิว The House Netflix
แต่เนื้อเรื่องค่อนข้างพื้นๆ ไม่ได้สนุกหรือประทับใจมากอย่างที่คาดหวังไว้ ถือว่าดูได้ แต่ไม่ดูก็ไม่ได้พลาดอะไรไป
อนิเมะงานคุณภาพระดับลงโรงที่มาลงในเน็ตฟลิกซ์ ความงามของภาพสุดติ่ง เพลินตากับความลื่นไหลสวยงามของฟรีรันนิ่งพร้อมเพลงประกอบเพราะๆ ตัวละครนางเอกที่เก็บดีเทลรายละเอียดได้งามสุดๆ โดดเด่นเป็นหน้าตาหลักของเรื่อง แต่ตัวบทอ่อนมาก ขาดดีเทลการลงรายละเอียดในทุกเรื่อง จนเหมือนเรากำลังดูงานภาพสวยๆ ที่มีเนื้อเรื่องเป็นแค่ส่วนประกอบแปะพ่วงมาเท่านั้น
โดยรวมหนังรวมเรื่องสั้นทั้งสามเรื่องสามารถสร้างความสนุกให้แก่ผู้ชมได้ ความน่ากลัว ความน่าขยะแขยง และการก้าวเดินต่อในชีวิต นี้เป็นธีมที่แตกต่างกันและการนำเสนอที่แตกต่างกันของผู้กำกับแต่ละคน ทำให้ภาพรวมของหนังมีความสดใหม่ในหนึ่งชั่วโมงครึ่งที่ได้รับชม
สรุป
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำงานแอนิเมชั่นออกมาได้ดีมากๆ แต่ละเรื่องมีเสน่ห์และสไตล์เป็นของตัวเองชัดเจน เนื้อเรื่องออกแนวหม่นๆ แบบที่อาจจะไม่คุ้นเคยเท่าไหร่สำหรับงานแอนิเมชั่น แต่ต้องบอกว่าสิ่งที่ได้กลับมานั้นไม่ธรรมดาเลยครับ หนังรวมแอนิเมชั่นแบบ Stop Motion ขนาดสั้น 3 ตอน แต่ละเรื่องมีเสน่ห์และสไตล์เป็นของตัวเองชัดเจน เนื้อเรื่องออกแนวหม่นๆ แบบที่อาจจะไม่คุ้นเคยเท่าไหร่สำหรับงานแอนิเมชั่น แต่ต้องบอกว่าสิ่งที่ได้กลับมานั้นไม่ธรรมดาเลย แนะนำให้ดู
นี้เป็น Stop-animation ไม่กี่เรื่องภายใต้สังกัด Original netflix ที่เป็นงานคุณภาพ การเล่าเรื่องและเลือกใช้เพลงให้เข้ากับบรรยากาศทำออกมาดีมาก ความน่ากลัว และความสยอง ที่ทำให้ผู้ชมต้องผวา แต่เนื้อเรื่องที่คลุมเครือมากเกินไป และจบห้วน ๆ จะทำให้ผู้ชมทั่วไปต้องงงอย่างแน่นอน เป็นอีกเรื่องที่สามารถข้ามเวลาได้ดีเลย
จุดเด่น
Stop-animation ที่เคลื่อนไหวได้อย่างลื่นไหล
เนื้อเรื่องหักมุมชวนคิด
มีความน่ากลัว น่าขยะแขยง
เสียงประกอบฉากดี ทำให้ผู้ชมมีส่วนร่วมกับหนังมากขึ้น
จุดด้อย
เรื่องราวบทสรุปคลุมเครือของแต่ละตอน
ประเด็นที่ต้องการสื่อ ยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนพอ
บางตอนเนื้อหาไม่ค่อยมีอะไร
ไม่มีพากย์ไทย