รีวิว 9 ศาสตรา

 

อู้หู โอ้โห ปากค้างกับความสนุกของหนังแบบเหนือคาด แบบเหนือคาดจริง ๆ ดูหน้าหนังก็ยอมรับล่ะว่างานภาพไม่เผาเอาจริงเอาจังดี ห่วงใจก็แต่เนื้อเรื่องมันจะไท๊ยไทย เช้ยเชย หรือแบบเด๊กเด็ก เพราะประวัติศาสตร์อย่างก้านกล้วย อย่างจ้ามะจ๊ะทิงจา มันเคยมีมาแล้ว!! แต่พอเปิดเรื่องก็เห็นเลยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่อะไรแบบนั้น ถึงจะพลอตสำเร็จรูป ฮีโร่ประสบกรรมตอนเด็ก ได้รับการช่วยเหลือจากครูมวย ได้ฝึกวิชา

 

และจับพลัดจับผลูต้องนำอาวุธวิเศษไปส่งให้เจ้าครองนครสู้กับยักษ์ แต่ทว่าการเล่าเรื่องมันแม่น แถมฉากแอคชั่นก็มันก็สนุกลื่นไหลได้ลุ้นสุด ๆ ถ้าเปรียบเป็นการแข่งเปียโน มันจะมีพวกที่เล่นพลิ้วพิศดาร กับพวกแม่นโน้ตเนี้ยบทุกเสียง ซึ่งเรื่องนี้เป็นแบบหลังเลย ถือว่าเป็นก้าวที่ดีเลยกับการปลุกแอนิเมชั่นไทย หนักพื้นฐานแน่นเรียกศรัทธามาได้โขจริง ๆ ครับ อย่างทีเคยพูดไปว่าถึงดูรอบสื่อมาแล้ว แต่ถ้าหนังจริงเข้าก็จะขอดูอีกรอบ ความรู้สึกว้าวมันชวนให้นึกถึงครั้งได้ดู องค์บาก ครั้งแรกเลยล่ะ ดูเถอะเรื่องนี้

 

ในภาพยนตร์เราจะเห็นการใช้อาวุธของตัวละครแต่ละตัวที่ต่างก็กั๊กๆ กันเอาไว้ในช่วงแรก อย่างแขนกลของวาตะ หรือกระบองของสีชาด รวมไปถึง 9 ศาสตรา ซึ่งในฉากต่อสู้ตอนที่ตัวละครเอาจริงนั้นบอกเลยว่าสุดยอดมากๆ ส่วนนี้ต้องไปดูกันเอาเองในโรงภาพยนตร์ ภาพยนตร์แอนิเมชั่นผสมผสานเรื่องราวแฟนตาซีกับมวยไทย

ในโลกของ 9 ศาสตรานั้นว่าด้วยเรื่องราวของมนุษย์ที่อยู่ร่วมกันกับสิ่งมีชีวิตหลากหลายเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ โดยรามเทพนครเมืองมนุษย์ที่เคยรุ่งเรืองนั้นตกอยู่ในการปกครองของคนยักษ์ และจับมนุษย์ไปเป็นทาส

รีวิว 9 ศาสตรา

เรื่องราวถูกเล่าผ่าน “อ๊อด” เด็กหนุ่มที่ชะตาลิขิตให้เป็นส่วนหนึ่งในการกอบกู้อาณาจักร รามเทพนคร แผ่นดินเกิดของเขาให้รอดพ้นอำนาจของ เทหะยักษา อนิเมะออนไลน  ดูอนิเมะ

 

อ๊อด ได้ฝึกฝนเคี่ยวกรำ ร่ำเรียนศิลปะการต่อสู้มวยไทย จากครูมวยอันดับหนึ่งของแผ่นดิน อ๊อด มีภารกิจอันยิ่งใหญ่ ในการนำสุดยอดศาสตราวุธ 9 ศาสตรา ไปมอบให้องค์ชายรัชทายาทแห่ง รามเทพนคร เพื่อใช้ในการกอบกู้อาณาจักร พร้อมกับพลพรรคเพื่อนพ้อง ออนิเมะออนไลน  

เนื้อเรื่อง รีวิว 9 ศาสตรา

 

หนังเล่าเรื่อง อ๊อด (ไต้ฝุ่น KPN) ชายหนุ่มแห่งโพ้นทะเล ผู้ที่มีชีวิตวัยเยาว์แสนอาภัพ โชคดีได้ร่ำเรียนวิชามวยไทยที่สาบสูญไปกับครูมวยท่านหนึ่ง เมื่อเติบโตก็ต้องรับภารกิจอันยิ่งใหญ่ในการกอบกู้อาณาจักรรามเทพนครจากเผ่ายักษ์ โดยร่วมมือกับพลพรรคเพื่อนพ้องที่บังเอิญเจอกันระหว่างการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น เสี่ยวหลาน (โบว์ AF5) โจรสลัดอากาศชาวจีนหุ่นเช้ง วาตะ (มิวสิค AF4) ลิงทะโมนที่เป็นถึงเจ้าชายของนครวานรที่ถูกยักษ์ทำลาย รวมถึง อสูรสีชาด (ชัย ศิริชัย) ยักษ์สีแดงร่างใหญ่ใจดีผู้ได้ชื่อว่ายักษ์ทรยศ อ๊อดต้องนำศาสตราวุธในตำนานที่พ่อของเขาเสี่ยงชีวิตนำหนีออกมาก่อนเมืองจะถูกทำลาย นำกลับไปให้รัชทายาทของอาณาจักรรามเทพนครซึ่งถูกจับกุมไว้เพื่อใช้ในการกอบกู้อาณาจักร

 

เนื้อเรื่องได้รับการช่วยแก้ไขโดย Bryan Edward Hill ที่ปรึกษาด้านการเล่าเรื่องจากฮอลลีวู้ด ที่ช่วยให้เนื้อหามีความเป็นสากล จึงไม่น่าแปลกใจที่หนังจสามารถตีตลาดต่างชาติได้สบาย เพราะวิธีเล่าเป็นสากล เมื่อนำเอกลักษณ์แบบไทยไปใส่มันก็เลยไม่ดูฝืนดูแปลกแยกนัก ทั้งพวกสถาปัตยกรรม หรือคัทซีนเล่าเรื่องในอดีตที่ใช้ภาพลายฉลุแบบหนังใหญ่มาทำก็ดูสวยดูเนียน ผ่านการคิดมาอย่างดี ถึงขนาดว่าตอนนี้หนังขายให้จีนได้แล้ว และกำลังจะขายให้ทางอเมริกาต่อด้วย นับเป็นโปรเจ็กต์มองใหญ่ของค่าย เอ็กฟอร์แมท ฟิล์มส์ และก้าวสำคัญของแอนิเมชั่นไทยเลยด้วยครับ

 

สิ่งที่ต้องชื่นชมนอกจากเล่าเรื่องที่แม่นจังหวะ กับฉากแอคชั่นที่คิดมาได้ละเอียด ตัวละครนำพาคนดูไปสู่ฉากใหญ่ ๆ  ได้ตื่นตาทั้งหมด ทั้งเกาะไกลโพ้นทะเล การต่อสู้กลางอากาศด้วยเรือเหาะจนผ่านหุบเหว หรือแม้แต่การสู้กับราชายักษ์ก็ปูมาได้อย่างตื่นเต้นมีหักมุมหลอกคนดูด้วย

 

สิ่งที่น่าชมมากอีกอย่างคือการ ดีไซน์เหล่าตัวละคร ทั้งภาพลักษณ์ภายนอกที่บอกเลยว่าโคตรเท่ เท่ยันตัวประกอบ มีพวกการแปลงโฉมอัปเกรดหรือแปลงร่างที่เท่มาก ๆ ด้วย คือต่อยอดไปพวกสินค้าอื่น ๆ ได้สบายมาก ทั้งฟิกเกอร์ เกมคอนโซล บอร์ดเกม หรืออะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่าง เพราะงานดีไซน์มันสากลและแข็งแรงมาก ๆ แม้แนวการทำโมเดลจะดูมีแรงบรรดาลใจจากแอนิเมชั่นฝรั่งอย่างพวก Star Wars มามากกว่าการผสมเอกลักษณ์ตะวันออกสไตล์ญี่ปุ่น แต่หนังก็ผสมกลืนทั้งสองแบบมาได้อย่างพิถีพิถันทีเดียว  นี่ยังควรนับเรื่องการออกแบบภาพภายนอกกับบุคลิกและเส้นเรื่องที่สอดคล้องกันเป็นหนึ่งอีก คือต้องยอมใจกับทีมงานเขาจริง ๆ ว่าทุ่มเทและคิดกันละเอียดมาก ๆ ไม่มีการดูถูกเอาเปรียบคนดูแน่นอน

 

ส่วนที่ควรปรับปรุง ไม่ใช่ว่าจะไม่มี ที่เห็นชัดมาก คือเสียงบรรยายในพวกฉากคัทซีนดูธรรมดา ไม่ชวนให้น่าติดตาม เสียงไร้อารมณ์พอสมควร ยังดีว่าไม่ใช่ส่วนหลักของการเล่าเรื่องไม่งั้นหนังคงไร้ชีวิตดูน่าเบื่อมาก ๆ ส่วนต่อมาคือแม้ดนตรีประกอบจะทำได้ดีงามมาตรฐานฮอลลีวู้ด แต่ทว่าเพลงประกอบของ วงสลอตแมชชีน ในเรื่องนี้ออกจะโดดไป เสียงแหลมเล็กของ เฟิร์ส นักร้องนำดูไม่ค่อยเข้ากับตัวเรื่อง ยิ่งการมิกซ์ใส่ในหนังก็ทอนพลังของเพลงลงไปอีก ก็ยังดีว่าในหนังใช้เพียงเพลง รุ้ง เข้ามาประกอบเพลงเดียวช่วงกลางเรื่องเท่านั้น

 

 

อาจด้วยเส้นเรื่องที่ชงมาแอคชั่นซึ่งทำได้ดีมาก เข้าใจเรื่องชัดเจน แต่ก็เสียดายส่วนดราม่าบางอย่างที่หนังไม่มีเวลาให้มันมากนักจนทำให้มันดูหลวม ๆ ลงไปอย่างเรื่องราวของ พรานทมิฬ ซึ่งเป็นตัวละครหนึ่งที่มีเสน่ห์มากเช่นกัน กับการตัดสรุปบางอย่างก็ให้เวลาน้อยไปจนดูเหมือนจบเรื่องง่ายเกินไป ทั้งที่จริงคิดละเอียด ๆ มันมีคำตอบดี ๆ อยู่ในเรื่องแล้วเพียงเวลาในการขยี้น้อยไปเท่านั้น

 

บทบาทของภาพยนตร์ 9 ศาสตรา

อนิเมะ

เรื่องราวในช่วงแรกดำเนินไปแบบเรื่อยๆ ค่อนข้างน่าเบื่อเล็กน้อย แต่ก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องราวเบื้องต้นที่ต้องเล่าให้ครบถ้วน แต่หลังจากที่เข้าฉากต่อสู้แล้วก็ต้องร้อง อื้อหืออออ

ช่วงกลางเรื่องขึ้นไป บทมีความสนุกและน่าติดตามมากขึ้น จนไปพีคในช่วงสุดท้าย

บทของเรื่องไม่ได้ซับซ้อนอะไรนัก พอคาดเดาเนื้อเรื่องทั้งหมดได้อย่างไม่ยาก แต่ในระหว่างทางเองก็มีเรื่องราวที่เซอร์ไพรส์ผู้ชมพอสมควรเลย

บทดราม่าไม่ได้ถึงกับเข้มข้นมาก แต่ก็ไม่ได้เลี่ยน ถือว่าใช้ได้ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับทุกวัย

 

ตัวละคร/เสียงพากย์

ผู้เขียนเองเสพภาพยนตร์แอนิเมชั่นและเล่นเกมมาค่อนข้างมาก แต่ก็ชื่นชอบ Character design ของภาพยนตร์เรื่องนี้ในระดับประทับใจ เรียกว่าโคตรเท่ เท่ตั้งแต่กลุ่มพระเอกยันตัวประกอบ มีหลายสิ่งที่ไม่เคยได้เห็นจนทำให้ตื่นตาตื่นใจพอสมควรเลย

ที่ตัวผมเองชอบมากคือยักษ์แดงสีชาดตอนที่พี่แกถึงจุดพีค และวาตะตอนเปิด Ultimate Skill ซัดฝ่ายตรงข้าม ด้วยบทดราม่าที่พามา และความสุดยอดของ CG ทำให้ตอนนั้นเรียกว่าสุดเหมือนกัน

การพากย์เสียงทำได้ลื่นไหลดี ไม่มีสะดุด ถ้าใครได้มีโอกาสดูเบื้องหลังของนักพากย์จะพบว่าเค้าต้องซ้อมกับตัวละครเพื่อให้อินกับบทแบบสุดๆ

 

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมชอบมากและเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ 9 ศาสตรามีความอลังการจนสุดได้ คือการออกนอกกรอบเดิมว่าหนังไทยหรือแอนิเมชั่นไทยจะต้องมีซาวน์ประกอบเป็นเสียงบรรเลงดนตรีไทยจากเครื่องดนตรีไทยจ๋าๆ

รีวิว 9 ศาสตรา

แต่ 9 ศาสตราจัดเต็มออร์เคสตรามาเลยจ้า ผู้ควบคุมและประพันธ์เพลงในเรื่องนี้คือ Ryan Shore นักประพันธ์ระดับฮอลลีวู้ดดีกรีรางวัลแกรมมี่ ที่มีผลงานดนตรีในหนังและซีรีย์มาหลายเรื่อง ทำให้ผู้ชมอินในแต่ละฉากของ 9 ศาสตราได้ง่าย

 

นอกจากนี้ยังมีเครื่องดนตรีจีนอย่างกู่เจิงของนางเอกและขลุ่ยของพระเอกที่ประสานกันได้อย่างลงตัว

 

รวมไปถึงโมเดลตัวละครและฉากต่างๆ ที่ทำออกมาได้ละเอียดสวยงามทั้งตัวเอกและตัวประกอบ โดยเฉพาะพื้นผิวของวัตถุต่างๆ ที่แสงเงา ความด้าน รอยแตกต่างๆ สวยงามจริงๆ ชื่นชมมาก

 

ในภาพยนตร์เราจะเห็นการใช้อาวุธของตัวละครแต่ละตัวที่ต่างก็กั๊กๆ กันเอาไว้ในช่วงแรก อย่างแขนกลของวาตะ หรือกระบองของสีชาด รวมไปถึง 9 ศาสตรา ซึ่งในฉากต่อสู้ตอนที่ตัวละครเอาจริงนั้นบอกเลยว่าสุดยอดมากๆ ส่วนนี้ต้องไปดูกันเอาเองในโรงภาพยนตร์

 

และสุดท้ายงานภาพแม้จะงามหยดแต่การสื่อในส่วนของอารมณ์โดยเฉพาะการใช้ดวงตานั้น เรียกว่ายังแข็ง ขาดชีวิตไปพอสมควร อยากให้เล่นกับดวงตาได้มากกว่านี้อย่างน้อยก็ประกายตาของตัวเอกที่น่าจะช่วยให้บางฉากไม่ดูเป็นผีเป็นวิญญาณได้อีกเยอะ และในส่วนของการแอนิเมทช่วงต่อสู้ที่ทำได้สุดยอดนั้น ก็มีบางฉากที่การเคลื่อนไหวไวจนดูหลุดดูไม่เข้าใจ บางช่วงมีอาการเหมือนเฟรมเรตไม่สูงพอทำให้ภาพดูกระตุก

รีวิว 9 ศาสตรา

ทั้งหมดนี้เป็นส่วนที่ล้วนพัฒนาแก้ไขต่อไปได้ทั้งสิ้น และพูดตามตรงถึงจะเห็นจุดผิดพลาดมากเพียงใด แต่ก็ขอยอมมองข้ามทั้งหมดจริง ๆ  เพราะสุดท้าย หนังมันสนุกมาก มันประทับใจมาก และมันเอาคนดูอยู่จริง ๆ ครับ คุณไม่จำเป็นต้องไปดูเพราะชอบหนังไทยเลยสำหรับเรื่องนี้ เพราะถ้าคุณชอบดูหนังสนุก ๆ มันก็เป็นเหตุผลที่มากพอแล้วที่คุณต้องดูหนังเรื่องนี้

 

 

สำหรับคนที่กลัวความลวกเอาเผากินแบบงานไทย ๆ บอกเลยครับว่าหนังใช้เวลาสร้างกว่า 4 ปี ทีมงานทั้งไทยและเทศกว่าอีก 200 คน และทุนสร้างรวมกว่า 230 ล้านบาท คือแปลกใจเลยที่พี่ ๆ ปิดข่าวงานสร้างมาเงียบมาก แล้วมาตู้ม ช็อกเลยแบบนี้ ยิ่งกับชื่อค่ายอย่าง เอ็กฟอร์แมท ฟิล์มส์ ที่ไม่คุ้นหู แถมเปรยตัวว่าเป็น วิช่วลเอเจนซี่ ที่ไม่เคยทำงานแอนิเมชั่นขนาดยาวมาก่อน ก็ดูชวนให้ฉงนเหมือนกันว่าไปซุ่มงานตอนไหนมา จึงไม่แปลกถ้าจะไม่คุ้นชื่อทั้งผู้กำกับ คนเขียนบท คือทั้งเครดิตคุ้นคนเดียว คือ สุธี แสงเสรีชน ผู้ควบคุมเพลงในหนัง หรือก็คือ ครูไก่ แห่งบ้าน AF ที่เราคงคุ้นตาดีนั่นเอง ที่มาคุมงานออร์เคสตราเต็มวงได้อลังการมาก ๆ แต่เมื่อดูเนื้องานในส่วนอื่นนอกจากเพลงก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ ยิ่งเครดิตจบเราเห็นชื่อคนไทยเกือบ 100% เป็นคนทำ ยิ่งโคตรภูมิใจเลยครับ  ดูอนิเมะออนไลน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *