รีวิว Maoyu: Archenemy & Hero
Maoyu: Archenemy & Hero (ชื่อไทย จับคู่กู้โลก) การ์ตูนเรื่องนี้ที่จริงก็ออกฉายในญี่ปุ่นอยู่นานแล้วตั้งแต่ปี 2556 พึ่งจะเอามาลง Netflix ในช่วงที่ผ่านมา แต่เป็นเรื่องที่ผมชอบตั้งแต่เป็นนิยาย Light Novel ผลงานของ อาจารย์โทโนะ มามาเระ 橙乃 ままれ (ซึ่งนิยายก็มีแปลไทยแล้วโดยสำนักพิมพ์ Dex Press)ที่เป็นนิยายสั้นๆ แค่ 5 เล่มซึ่งเพราะสนุกและขายดีจนได้การเอามาทำเป็นอนิเมะซึ่งจะดีมั้ยลองมาดูกัน
นี่เป็นเรื่องราวของโลกที่มีเผ่าพันธ์มนุษย์และปีศาจต่อสู้กันเป็นเวลานาน ผู้กล้าคนปัจจุบันที่ตัดสินใจเดินทางมาถึงปราสาทจอมมารเพียงคนเดียวเพื่อที่มาปราบจอมมารแต่มาพบว่าเป็นจอมมารหญิง และยังปีศาจสาวแสนฉลาดที่มีความรู้รอบด้าน ซึ่งแทนที่จะได้สู้กัน เธอได้ชักชวนผู้กล้ามาร่วมมือกับเธอเพื่อทำให้โลกของทั้งสองฝ่ายสงบสุขโดยไม่ต้องต่อสู้ เพราะการต่อสู้กันให้ตายไปข้างไม่ได้ทำให้โลกสงบสุขเลย กลับทำให้ระบบเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูเพราะเงินจากทางการรบต้องหยุดลง และทำให้ประเทศชายแดนที่ยากจนต้องล่มสลายทันที
และยังมีปัญหาเรื่องการค้าทาสและเชลยศึก แต่เธอจะใช้ความรู้ที่มีทั้งทางเศรษฐศาสตร์, ทางการเกษตร, การแพทย์, ฯลฯ เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกช้าๆแต่ยั่งยืน ผู้กล้าจึงตกลงร่วมมือ โดยที่ทั้งสองเริ่มเปลี่ยนจากหมู่บ้านเล็กๆ ที่โลกมนุษย์ ทั้งให้ความรู้และทำการเกษตรซึ่งเมื่อเริ่มเห็นผลก็ทำให้ศาสนจักรไม่พอใจเพราะเริ่มสูญเสียอำนาจ ทำให้เป็นจุดเริ่มต้น และชนวนไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกนี้
Maoyu: Archenemy & Hero
สงครามมีแต่ผลเสีย ไม่สร้างประโยชน์ให้ใคร นั่นเป็นความจริงงั้นเหรอ หรือเบื้องหลังแล้วมีผู้ที่ได้ประโยชน์จากสงครามนี้อยู่ และหากจบสงครามได้ โลกจะสงบสุขจริงหรือไม่ หรือผู้คนก็ยังคงอดอยากเหมือนเดิม หาคำตอบได้ใน Maoyu: Archenemy & Hero อนิเมะเรื่องใหม่ที่ฉายบน Netflix
เรื่องย่อ รีวิว Maoyu: Archenemy & Hero
ในโลกของ Maoyu ได้กล่าวถึงสงครามระหว่างมนุษย์กับปีศาจได้ดำเนินมานานกว่า 15 ปี ฮีโร่ของมนุษย์นำโดยผู้กล้าจึงได้ออกเดินทางเพื่อไปปราบจอมมาร เมื่อเข้าใกล้ปราสาทจอมมาร ผู้กล้าหนุ่มเลือดร้อนได้ตัดสินใจบุกเข้าไปหาจอมมารด้วยตัวคนเดียวเพื่อหวังจะสังหารและจบสงครามให้เร็วที่สุด แต่สิ่งที่เข้าเจอกลับเป็นหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มผู้มีทรวดทรงองค์เอวถูกใจชายทั่วหล้า หญิงสาวคนนั้นเรียกตนเองว่าจอมมาร และได้ยื่นข้อเสนอกับผู้กล้า เรามายุติสงครามนี้ด้วยกันเถอะ
Maoyu เดิมทีต้นฉบับคือนิยายบทละครเขียนโดย โทโนะ มามาเระ นักเขียนนิยายผู้มีผลงานชื่อดังอย่าง Log Horizon ที่เป็นแนวเกม โดยผลงานทั้งสองชิ้นของอาจารย์มามาเระนั้นมีจุดเด่นอยู่ที่การเอาโลกแฟนตาซีมาใส่ครอบลงไปในนิยายเนื้อหาหนักๆ อย่างเศรษฐศาสตร์หรือการเมือง แต่ก็ยังคงทำได้สนุกและน่าติดตามชม
เซ็ตติ้งของ Maoyu อาจจะเหมือนการ์ตูนแฟนตาซีทั่วไป แต่ภายในตัวเรื่องนั้นเต็มไปด้วยเกร็ดความรู้เศรษฐศาสตร์ที่คอยเล่าผ่านความรอบรู้ของจอมมารที่ถ่ายทอดมายังผู้กล้าผู้ซึ่งรู้แต่เรื่องสงครามเท่านั้น กับบทบาทของตัวละครมากมาย ปะปนกันไปกับเนื้อหาที่ชวนสับสนพร้อมจะทำลายสามัญสำนึกของคนดูทิ้ง เพียงแค่เริ่มต้นเรื่องด้วยการที่จอมมารชักชวนผู้กล้ามาเป็นพรรคพวกเพื่อยุติสงครามระหว่างมนุษย์และปีศาจ
แต่การหยุดสงครามไม่ใช่เรื่องง่ายเพียงแค่สังหารจอมมารหรือจัดการกับผู้กล้า เพราะมนุษย์มีสงครามกับปีศาจ จึงเกิดการค้าอาวุธต่างๆ ขึ้นมากมาย สร้างความมั่งคั่งให้กับหลายประเทศ ไหนจะเรื่องการที่เหล่าประเทศชายแดนแนวหน้าที่ไม่มีทรัพยากรอะไรนั้นยังมีความสำคัญอยู่ในฐานะแนวหน้าคอยปกป้องประเทศอื่นๆ เพื่อแลกกับการที่ยังได้รับการสนับสนุนเรื่องอาหารและสิ่งจำเป็นอื่นๆ ทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลไปยังผู้ผลิตอาหารในภูมิภาคต่างๆ มากมาย อีกทั้งยังประสบปัญหาปริมาณอาหารที่ไม่พอจะเลี้ยงคนทั่วทั้งภูมิภาค ต่อให้ไม่มีสงคราม ผลผลิตของอาหารก็ไม่เพิ่มขึ้น ยังคงมีผู้คนอดตาย และอาจก่อให้เกิดการต่อสู้แย่งชิงอาหารแทน
ภายในเรื่อง Maoyu ได้พูดถึงเรื่องหลายอย่างที่ส่งผลถึงเศรษฐศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืชหมุนเวียน หรือการปลูกมันฝรั่งเพื่อแก้ปัญหาผลผลิตที่ไม่พอเพียง หรือจะเป็นหลักการเจรจาต่อรองต่างๆ ไปจนถึงการใช้ประโยชน์จากการปล่อยข่าวลือเพื่อวางแผนในเรื่องอื่นๆ อีกด้วย
เรื่องนี้ได้ไม่พูดถึงเฉพาะเรื่องเศรษฐศาสตร์เท่านั้น แต่ยังซ่อนประเด็นอื่นไว้อีกมากมาย เช่นเรื่องความดีความเลว มนุษย์ที่เห็นปีศาจเวมวาตลอด แต่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่พวกเขาทำก็ไม่ได้ต่างจากปีศาจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าปีศาจจะดีเช่นกัน ทุกพวกทุกฝ่ายย่อมมีคนดีและคนเลวปะปนกันไป ซึ่งในโลกของ Maoyu นั้นก็แสดงออกมาได้อย่างชัดเจน
แต่ถึงแม้ว่าเนื้อหาจะดูหนักดูเครียด แต่ด้วยการอธิบายที่เข้าใจได้ง่าย ประกอบกับที่มีตัวละครหลากหลายระดับและความรู้ จึงเหมือนได้สัมผัสกับประสบการณ์จริงของผู้คนเหล่านั้นไปด้วย แถมบรรยากาศของเรื่องยังปนความขำขันลงไปทำให้ไม่รู้สึกหนักจนเกินไปและดูได้เรื่อยๆ
งานภาพนั้น พอเข้ามาอยู่ใน Netflix แล้วภาพลื่นกว่าฉบับทีวีมาก คาดว่าเฟรมเรตน่าจะเป็น 60 fps แล้วด้วย ทำให้ถึงแม้ว่าจะเป็นการ์ตูนเก่า 6 ปีก็ไม่ได้รู้สึกว่างานภาพหรือเสียงนั้นเก่าหรือแย่เลยแม้แต่น้อย แม้ว่าอาจจะไม่ถึงกับสวยงามเหมือนเรื่องใหม่ๆ ก็ตาม
น่าเสียดายที่อนิเมะ Maoyu ทำเพียง 12 ตอน ตอนละไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อเนื้อหาต้นฉบับที่มาจากนิยายหนาปึ้ก 5 เล่ม คนที่ดูจนจบจึงอาจจะรู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้กลางทาง จนต้องไปหาฉบับนิยายมาอ่านต่อ
ความสนุกของเรื่องนี้
ถ้าใครที่หวังเนื้อเรื่องแนวต่อสู้ร่ายเวทย์ฟันดาบต่อสู้ เรื่องนี้อาจทำให้ผิดหวัง
แต่ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้ไม่สนุก แต่ความสนุกมันอยู่ตรงการใช้สมองในการแก้ไขปัญหา
ทำให้ได้เรียนรู้หลัก เศรษฐศาสตร์ การเมือง ที่เข้าใจได้ง่ายแถมมีประโยชน์มาก
จุดนึงที่พิสูจน์ให้เห็นความจริงว่า ผู้ที่ถือครองโลกเกษตรกรรมเน้นความเป็นธรรมชาติ
ผลิตอาหารเลี้ยงประชากรได้สุดท้ายจะได้เปรียบประเทศที่เน้นอำนาจทางการเงิน
รู้สึกสอดคล้องกับแนวคิด “เศรษฐกิจพอเพียง” มาก ดูจบได้แนวคิดดีดีหลายอย่าง
จากจอมมาร แถมด้วยฉากโชว์พลังสุดอลังการของผู้กล้าทที่ทำให้ตื่นเต้นเป็นระยะ
แนะนำตัวละคร
จอมมาร (Maou)
ผู้ปกครองโลกปีศาจรุ่นที่ 43 ไม่เก่งด้านการต่อสู้ แต่มีความรู้รอบด้าน มีความตั้งใจจะหยุดสงคราม
และเปลี่ยนโลกนี้ให้มีแต่ความสงบสุข
ผู้กล้า (Yuusha)
ผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกมนุษย์ เชี่ยวชาญการต่อสู้ทั้งอาวุธและเวทย์มนต์ ค่อยช่วยเหลือจอมมาร
เพื่อสร้างโลกใหม่
หัวหน้าคนใช้
คนดูแลจอมมารมาตั้งแต่เด็ก จะคอยดูแลจอมมารขณะอาศัยอยู่ที่โลกมนุษย์
และคอยแนะนำเทคนิคการจีบผู้กล้าให้จอมมาร
สองพี่น้องคนรับใช้
สองพี่น้องผู้เคยเป็นทาสมาก่อน ได้รับการช่วยเหลือจากจอมมาร และสอนให้รู้จักเรื่องความเท่าเทียมกัน
อัศวินหญิง
สหายเก่าผู้เคยร่วมกลุ่มกับผู้กล้า เธอเป็นสาวอีก1คนที่ตกหลุมรักผู้กล้า
พ่อค้าหนุ่ม
ตัวแทนอำนาจทุนนิยมจากสหพันธ์ผู้ปรกครองโลกมนุษย์ จอมมารหวังให้เขาช่วย แต่หมอนี่ก็หวังในตัวจอมมาร
สรุป
เรื่องนี้เป็นอนิเมะที่ไม่ควรพลาด ด้วยทั้งเนื้อหาที่ดูง่าย สนุก และยังมีเกร็ดความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐศาสตร์อย่างมหาศาลสอดแทรกไว้ภายในเรื่อง ที่ไม่ว่าใครก็สามารถดูได้
การ์ตูนแฟนตาซีเนื้อเรื่องดีและฉลาด น่าติดตามแต่น่าเสียดายที่คนทำตั้งใจทำให้จบแบบค้างคาเล็กน้อยไม่งั้นเป็นเรื่องที่สุดยอดยิ่งกว่านี้
ความรู้สึกหลังดู
ป็นอนิเมะที่ผมถือว่าดีเลยนะ คือดูแล้วก็เรื่อยๆไม่เครียด ไม่ได้แฮปปี้ฟึลกู๊ดจนเกินไปแต่เนื้อเรื่องหลักๆในเมะคือ
มนุษย์ กับ ปีศาจทำสงครามกันมานานแสนนานจนผู้กล้าทนไม่ไหว ไม่อยากให้มีใครตายไปมากกว่านี้แล้วเลยบุกเดียวไปถึงวังจอมมาร(คนซ้ายผู้หญิง)
แต่พอเห็นจอมมารก็ทำให้รู้สึกแปลกใจไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แล้วก็ได้พูดคุยกันจนในที่สุดก็สัญญาว่าเราจะหาทางยุติสงครามครั้งนี้(หลายคนคง งง เอ้าประกาศเลิกเลยไม่ได้หรอ ไม่ได้หรอกดูในเมะเอาเขามีเหตุผลอยู่)
ก็เลยไปผจญภัยในโลกมนุษย์หาวิธียุติสงครามนั้นเอง ในเนื้อเรื่องจะอยู่ในสมัยยุคกลาง วิธีการปกครองคน หรือชีวิตชาวชนบทก็สามารถเอามาอ้างอิงหรือสามารถเอามาตีกรอบตามความเป็นจริงได้เลย
ใครเรียนสังคมแล้ว งง ว่ายุคกลางสภาพมันเป็นไงนะ ดูเรื่องนี้เลยรับรองเก็ทง่ายขึ้นเยอะ นางเอกก็มีหน้าที่ทดลองพัฒนาหาทางออกยุติสงครามนะแหละไม่ว่าจะเป็นวัตกรรมต่างๆ
ก็ถือว่าเป็นเกล็ดความรู้ที่อนิเมะยัดมาให้เรื่อยๆ คือดูแล้วไม่รู้สึกเสียดายเวลาเปล่าไง ในเรื่องก็ทั้งพระเอกนางเอกในใจลึกๆก็ชอบกันเองนะแหละ แต่เขิลลลกันไป
แต่ทำไมต้องติดตามไปโลกมนุษย์ด้วยกันตลอดแนะนำให้ดูดีกว่าผมไม่อยากสปอยล์ให้เสียอรรถรส แค่คำสัญญาน่ารักมุ้งมิ้งดีชอบอะ 55555+
ในส่วนเนื้อเรื่องผมว่าเมนสตรีมมันก็ไม่มีอะไรมากมายดำเนินเรื่องไปงั้นๆแหละ แต่ที่น่าดูคือกองอวยซะมากกว่า เพราะพระเอกไม่ได้มีแค่ผู้หญิงคนเดียวที่ชอบอิอิ มีอีกคนซึ่งเป็นผู้กล้าเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็มาเป็นเพื่อนนางเอกด้วย
เดี๋ยวคงตกลงกันได้เองละเปิดฮาเร็มกันนิดๆละสิ ก็สรุปเลยดีกว่านะใครหาเมะดูฆ่าเวลาแล้วได้ความรู้นิดหน่อยๆ ไม่ได้ซีเรียสเนื้อเรื่องต้องซึ้งตรึงใจแบบหลายๆเรื่อง หรือมันส์สนุกๆแบบอีกหลายเรื่อง
เน้นดูฆ่าเวลาไปเรื่อยๆถือว่าตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว แต่ใจจริงที่ผมเขียนรีวิวเนี่ยก็อยากจะบอกถึงคนมีทัศนะคติแง่ลบกับการ์ตูนซะมากกว่า การ์ตูนมันไม่ได้ไร้สาระเสมอไป การ์ตูนไม่ได้สร้างมาให้แค่เด็กดู คุณก็ดูได้
แล้วที่สำคัญคือบางเรื่องมันก็มีสาระ อยู่ที่คุณดูแล้วคุณเป็นเจ้าหนูขี้สงสัยมากไหม ถ้าขี้สงสัยมันก็มีสาระเยอะขึ้นไปอีกเพราะในเรื่องมันก็ปูแทรกความรู้มาเยอะ ถ้าเอาไปเสิร์ชต่อยอดหาความรู้มันก็ได้เยอะแหละ
ผมดูจนจบซีซั่นหนึ่งแล้วไม่รู้จะมีซีสองไหม แต่ด้วยความเป็นการ์ตูนมันจะจบแบบนี้ละ จะมีต่อก็ดีมากกก ไม่มีก็ได้ชั่งแม่ง หาเมะใหม่ต่อ (แต่รอคอยอยู่นะไม่รู้จะมีไหมฮ่าๆ)
เออเกือบลืมเลยอนิเมะเรื่องนี้เหมาะกับผู้ชมอายุ 13 ปีขึ้นไปนะครัช ผมดูแล้วมันก็มีฉากโป๊นิดๆ(อารมณ์แบบใส่ชุดว่ายน้ำไรงี้) ก็ดูนมนางเอกสิเด็กๆดูเลยมันก็จะไม่ดีอะนะแต่เอาจริงๆเด็กสมัยนี้แม่งก็ไฟแรงกันอยู่แล้วละมั้ง อันนี้เตือนก่อน 55555+
ที่ผมชอบที่สุดในเรื่องนี้คือชื่อตัวละคร ในการตูนเรื่องนี้จะไม่มีชื่อจริงหรือนามสกุลใดๆ ทุกคนในเรื่องพูดถึงคนอื่นด้วยตำแหน่งหรือหน้าที่เท่านั้นเช่นตัวเอกคือผู้กล้า นางเอกคือจอมมารก็มีชื่อแค่นั้นคุยกันก็เรียกกันแค่นั้น อาจมีฉายาหรือสมยาให้แยกตัวละครที่คลายๆกันออกได้ โดยรวมๆ ก็ถือว่าสนุกและประทับใจโดยเฉพาะการพูดถึงคุณค่าของคน และข้อคิดที่ว่าความรู้สำคัญมากสำหรับมนุษย์ทุกยุคทุกสมัยนำเสนอได้ตรงจุดและน่าสนใจมาก
ส่วนข้อติก็จะมี บางส่วนอาจจะอธิบายน้อยมากถ้าไม่ได้อ่านนิยายหรือดูการตูนเล่มมาก่อนอาจจะงงได้เพราะเรื่องบางช่วงก็ดำเนินเร็วไปนิด บางทีกลับไปกลับมาย้อนอดีตก็ไม่ได้บอกรายละเอียดเท่าไหร่ซึ่งอาจทำให้คนดูอาจจะสับสนได้ง่าย และที่จริงในการตูนชื่อตัวละครในภาคอนิเมะนี้อธิบายได้ไม่ดีนักทำให้ตัวละครบางตัวไม่รู้ว่าเป็นใครและดูน่าสับสนอยู่บ้าง เพราะในฉบับนิยายจะใช้ชื่อเรียกและแนะนำตัวละครทุกตัวแต่แรก ในนี้ใช้บทสนทนาที่ไม่มีการเรียกชื่อ อาจทำให้บทพูดดูเป็นธรรมชาติ แต่คนดูเห็นตัวละครบางตัวยังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร จะมาอธิบายก็ตอนหลังจากคุยกันไปแล้วทำให้คนที่มาดูน่าจะสับสนพอสมควร
ถ้าเรื่องนี้ได้มีการทำโดยทีมที่ดีกว่านี้หรือ ทำเพื่อให้มีต่อจนจบเรื่องได้จะเป็นเรื่องที่ได้คะแนนมากกว่านี้ แต่พอทำแบบกั๊กๆ หน่อยเลยต้องหักคะแนนไปอย่างน่าเสียดาย แต่ถึงอย่างนั้นการตูนเรื่องนี้มีจุดนำเสนอของเรื่องที่ดีมาก ใครชอบการตูนที่บทสร้างสรรค์ต้องขอแนะนำให้ลองดูซักครั้งครับ เพราะไม่ยาว และอาจจะทำให้เราอยากไปหานิยายมาอ่านต่อก็เป็นได้ครับ
จุดเด่น
สอดแทรกเกร็ดความรู้เศรษฐศาสตร์ไว้มากมาย
เข้าใจง่าย ดูสนุก
จุดด้อย
รูปแบบเนื้อเรื่องค่อนข้างเก่า เป็นแนวที่ซ้ำกับเรื่องใหม่ๆ ในปัจจุบันหลายเรื่อง