รีวิว Modest Heroes ฮีโร่เดินดิน อนิเมะสั้นสามเรื่องที่ทุกคนสามารถเป็นฮีโร่ได้ สวัสดีครับ เรากลับมาพบกันกับการรีวิวอนิเมะสุดรื่นเริงที่ทุกคนรอคอย อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าอนิเมะสร้างออกมาเพื่อความบันเทิงใจสร้างเสริมจินตนาการให้เหล่าผู้ชมมาแล้วไม่ถ้วน วันนี้ทางคนเขียนต้องการมาเสนอแนะอนิเมะอีกหัวข้อ ซึ่งคนเขียนออกจะประทับอย่างยิ่งจริงๆกับเรื่องฮีโร่เดินดิน ของค่าย STUDIO PONOC โดย Netflix เป็นภาพยนตร์แนวไซไฟชนชาติประเทศญี่ปุ่นสำหรับครอบครัว ในประเด็นนี้จะรวมอนิเมะสั้นๆไว้สามเรื่อง ถ่ายทอดความเป็นวีรบุรุษในแบบอย่างของตน โดยทุกคนก็สามารถเป็นวีรบุรุษได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องไปช่วยเหลือคนทั่วทั้งประเทศราวกับซุปเปอร์แมนหรือแบตแมนตามหนังที่พวกเรามองทั่วๆไป เอาหละวันนี้ผู้เขียนจะมารีวิวเรื่องนี้ให้ทุกคนได้อ่านกันนะครับ เพื่อนๆ พร้อมจะเป็นฮีโร่กันหรือยัง ถ้าเกิดพร้อมแล้ว ตามกันมาเลยครับ โดยเรื่องฮีโร่เดินดินนี้ จะแบ่งเป็นเรื่องราวหลัก 3 เรื่องใหญ่ ๆ ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกัน และเพื่อนๆคนไหนที่อยากรู้ว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นแบบไหนมาติดตามรับชมการแนะนำหนังไปพร้อมๆกันในบทความนี้ได้เลยนะครับ ดูอนิเมะ
รีวิว Modest Heroes ฮีโร่เดินดิน ข้อมูลภาพยนตร์
Modest Heroes เป็นอนิเมชั่นรวม 3 เรื่องสั้นจาก 3 ผู้กำกับอิทิ ฮิโรมาสะ โยเนบายาชิ (The Secret World of Arrietty, The Secret World of Arrietty) , อากิฮิโกะ ยามาชิตะ (Chu-Zumo) , โยชิยูกิ โมโมเสะ (NiNoKuni)แล้วก็ยิ่งไปกว่านี้ยังเป็นอนิเมชั่นลำดับที่สองต่อจากเรื่อง Mary and the Witch’s Flower ของ Studio Ponoc คนที่ได้นามเล่าขานว่าเป็นผู้สืบทอด ตำนานรุ่นพี่อย่าง Studio Ghibli ที่ได้ฝากผลงานลักขโมยหัวใจชาวโลกมาแล้วหลายต่อหลายเรื่อง รวมทั้งปิดตัวไปเมื่อปี 2014 ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมานี้ โดย Modest Heroes เป็นการรวมหัวน้ำกะทิด้านอนิเมชั่นมาทำเรื่องสั้น 3 เรื่อง 3 อารมณ์ แต่ว่ามีแก่นหลักเป็นส่วนเดียวกันเป็น “การเป็นวีรบุรุษเดินดิน” โดย 3 เรื่องสั้นถูกเรียงลำดับความแมสมากมาย ไปจนกระทั่งแมสน้อยแม้กระนั้นก็ไม่ใกล้จะถึงขั้นมองไม่รู้เรื่องขนาดนั้น ด้วยเหตุว่าอีกทั้ง 3 เรื่องยังมีการเชื่อมโยงกันด้วย ภาพฝันที่งดงามเป็นประจำแล้วก็นี้เป็นอีกทั้ง 3 เรื่องที่ว่านั้น
Kanini & Kanino กำกับโดย ฮิโรมาสะ โยเนบายาชิ
เรื่องราวของ คานินิ กับ คานิโน สองพี่น้องตัวน้อยแห่งจ้าวสมุทรเมื่อวันหนึ่งพ่อของเขาหายตัวไปสองพี่น้องจึงต้องออกตามหานี่เป็นเรื่องราวการผจญภัยครั้งใหญ่ที่เด็กน้อยสองคนผู้แทบจะไม่รู้จักโลกต้องออกมาผจญภัยอันตรายต่างๆเพื่อตามหาพ่อของตัวเองการเป็นฮีโร่ในเรื่องนี้จึงไม่ใช่การไปกอบกู้โลกแต่อย่างใดแต่เป็นการที่พี่ชายยืนหยัดต่อสู้กับอุปสรรคตรงหน้า แม้จะใหญ่ยักษ์กว่าตนแค่ไหนก็ไม่หวั่น เพราะเขาต้องการที่จะปกป้องน้องสาวตัวเองรวมทั้งช่วยเหลือพ่อของเขาในยามลำบากที่ตอนนี้ไม่อาจลุกขึ้นมาปกป้องลูกๆตัวเองได้
เป็นอนิเมชั่นที่มีระดับความแมสอยู่มากดูง่ายสื่อสารนัยอย่างตรงไปตรงมา และเสนอมุมมองภาพความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติให้เราได้เห็นจนรู้สึกขนลุกขนพองด้วยเทคนิค 2.5D งานภาพในเรื่องนี้จึงออกมาเตะตาและน่าสนใจเอามากๆอีกทั้ง เรื่องนี้ตัวละครใช้ภาษาแปลงขึ้นมาเองบทพูดในเรื่องจึงไม่สำคัญแต่เป็นการกระทำที่แสดงออกมาให้เราได้เห็นชัดถนัดตาความรักของพ่อแม่ความอบอุ่นของครอบครัว และความหมายของการเป็นฮีโร่ที่ไม่จำต้องทำสิ่งที่ใหญ่โตอะไรนอกจาก ปกป้องคนที่เรารักKanini & Kanino จึงเป็นอนิเมชั่นที่ดูสนุกๆให้แง่คิดที่ดีเพลิดเพลิน
Life Ain’t Gonna Lose กำกับโดย โยชิยูกิ โมโมเสะ
เรื่องราวของชุนเด็กชายที่เกิดมาพร้อมกับอาการแพ้ไข่อย่างรุนแรง หากได้ทานอะไรก็ตามที่มีส่วนผสมของไข่ผื่นจะขึ้นตามตัวปวดท้องวิงเวียนถึงขั้นเขาโรงพยาบาล แม่ของเขาจึงทำทุกวิถีทางที่จะทำให้ลูกตัวเองรอดปลอดภัยไปได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามเรื่องนี้นำเสนอมุมมองของการเป็นฮีโร่อีกแบบหนึ่งเมื่อฮีโร่ไม่จำเป็นจำต้องเป็นผู้พิทักษ์โลก หรือจักรวาลแบบในMarvelหรือDCเสมอไปหรือแม้กระทั่งไม่จำต้องเสนอภาพของเด็กหนุ่มที่ยืนหยัดจะต่อกรกับอำนาจที่ใหญ่กว่าตนเพื่อปกป้องคนรักของตัวเองแต่เป็นการเสนอการต่อสู้กับภัยร้ายในตัวเองกล่าวคือการที่เด็กน้อยคนหนึ่งเกิดมาพร้อมกับโรคร้ายเขาต้องต่อสู้กับโรคนั้นด้วยตัวเอง
โดยมีครอบครัวที่อบอุ่นเพื่อนที่น่ารักคอยอยู่ข้างๆ ผลักดันให้เขาไปต่อได้แต่คนที่จะสามารถสู้กับภัยร้ายในตัวเองได้ก็มีแต่ตัวเขาเองเท่านั้น ชุนที่เกิดมาพร้อมกับอาการแพ้ไข่นี้เองเขาจึงเกลียดไข่เอามากๆ แม้แต่กระดาษข้อสอบเขายังเลือกที่จะไม่ตอบคำถามที่มีคำว่า”ไข่”อยู่ด้วยเลยแต่เมื่อวันหนึ่งเขาเลิกที่จะตัดพ้อกับเรื่องพรรค์นั้นแล้วหันมาสู้กับมันซึ่งๆหน้าเขาจึงเปลี่ยนจากการที่จะขว้างไข่ทิ้ง กลายเป็นซามูไรที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับชุนจนกว่าวันนั้นวันที่ซามูไรไข่จะถอนตัวแล้วหายไปจาก “โรคใบนี้” นอกจากนี้ตัวอนิเมชั่นก็ได้นำเสนอภาพจำของการเป็นแม่ ต้องทำอย่างไรดูจบก็ชวนขบคิดถึงวันหนึ่ง หรือวันนี้ ที่ได้เป็นพ่อแม่คนเราต้องดูแลลูกแบบไหนถึงจะควรที่สุด
Invisible กำกับโดย อากิฮิโกะ ยามาชิตะ
เรื่องราวของชายคนหนึ่งผู้ซึ่งล่องหนอยู่ตลอดเวลาไม่มีใครในเมืองที่เขาอาศัยอยู่จะมองเห็นเขาได้เลย เขาได้แต่ใช้ชีวิตไปวันๆ ท่ามกลางความผันผวนของสังคมที่ไม่เคยเห็นเขาในสายตาแต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้กระทำการใหญ่บางอย่างที่มีเพียงบางคนเท่านั้นที่มองเห็นเขาในสายตานี่เป็นอนิเมชั่นที่แฝงนัยสะท้อนสังคมมนุษย์ได้ลึกแท้ที่สุด งานภาพเองก็ถูกนำเสนอท้องฟ้าที่มืดครึ้มอยู่ตลอดเวลาเป็นอนิเมชั่นที่นำเสนอชีวิตของชายหนุ่มผู้ที่เป็นพนักงานตื่นนอนไปทำงานวัน ๆ ไร้ซึ่งการมีตัวตนในเพื่อนฝูง แต่จะมีซักกี่คนที่จะมองเห็นเนื้อในของเขาจริง ๆ
และนี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการฆ่าตัวตายก็เป็นได้ เมื่อเราที่มีชีวิตอยู่ไปด้วยไร้ซึ่งจุดหมายและเพื่อนฝูง หากเป็นเช่นนั้นชีวิตเรายังต้องดำเนินต่อไปเพื่อสิ่งใดอยู่อีก แต่แล้ววันหนึ่งชายหนุ่มได้กระทำการใหญ่ที่สุด คือการช่วยชีวิตเด็กทารกจากรถบรรทุกที่กำลังพุ่งมาด้วยความเร็วสูง คำถามที่ว่านั้น อาจไม่สำคัญเท่าการได้ทำสิ่งใดบางอย่างที่ยิ่งใหญ่เอามาก ๆ สำหรับ 1 ชีวิต เมื่อนั้นแหละเราจะไม่ใช่มนุษย์ล่องหนอีกต่อไป เผลอ ๆ จะกลายเป็นเทพแก่ใครบางคนเลยด้วยซ้ำไป Invisible เป็นอนิเมชั่นที่มีลายเส้นถมึงทึง ดูหดหู่และเศร้าหมองบวกกับสภาพอากาศที่มีแต่ฝนตกแทบจะทั้งเรื่อง แต่กลับกันเมื่อท้องฟ้าโปร่ง อาทิตย์ทอแสงลงมาแหวกม่านหมอกของฟ้าที่มืดครึ้ม กลับกลายเป็นภาพฝันที่สวยงามอย่างบอกไม่ถูกเลยเชียว
รีวิว Modest Heroes ฮีโร่เดินดิน บทสรุปเรื่องราวในอนิเมะ
เรื่องแรกจะกล่าวถึงความกล้าหาญของสองพี่น้องที่เป็นเหมือนภูติเล็กๆ อาศัยอยู่กับครอบครัวในน้ำไปช่วยพ่อจากปลายักษ์รวมถึงการเอาชีวิตรอดของสองพี่น้องคู่นี้ โดยสาระของเรื่องจะบ่งบอกถึงแค่เรามีความกล้าหาญจะทำอะไรซักอย่าง ก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆไปได้แม้กระทั้งยืนอยู่ด้วยขาตัวเองก็ไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไปบอกเลยว่าภาพสวยมาก เนื้อหาน่ารักตามแนวแฟนตาซีรวม ๆแล้วถือว่าเวิร์กเลยเรื่องที่สองจะเพิ่มความดราม่าเข้าไปนิดนึงเพราะเป็นฝีมือผู้สร้าง spirited sway กับ grave of the fireflies (สุสานหิ่งห้อย) มาร่วมสร้างสีสันด้วย จะบอกเล่าถึงเด็กผู้ชายที่แพ้ไข่อย่างรุนแรงกล้าที่จะต่อสู้กับภูมิแพ้อาหารอย่างรุนแรงเรื่องนี้จะมองเห็นความสัมพันธ์ระว่างแม่กับลูกได้อย่างชัดเจน บอกเลยว่าภาพสวยมาก เหมือนดูอนิเมะภาพระบายสีทั้งเรื่องลายเส้นคมชัดให้อารมณ์เหมือนดูเรื่องครอบครัวยามาดะ ของค่าย Studio Ghibli ไม่มีผิดเลยเรื่องที่สามจะดูดาร์กสุดในบรรดาเรื่องจะกล่าวถืงชายที่ไร้ตัวตนไม่มีใครที่มองเห็นเค้า แต่เค้าเลือกที่จะเป็นคนดีได้ โดยเค้าได้ช่วยเหลือเด็กทารกให้รอดพ้นจากรถบรรทุกชน ถือแม้เค้าจะได้รับบาดเจ็บก็ได้ตาม แต่เค้าก็สุขใจที่ได้ทำพอดูเรื่องเสร็จอยากเป็นคนดีเลยจ้าโทนสีของเรื่องนี้ดีมากสีเข้มดูเศร้าสุด ๆแต่รวม ๆแล้วเรื่องนี้ต้องดูให้ได้เลยนะครับ
สิ่งที่น่าสนใจในอนิเมะเรื่อง Modest Heroes ฮีโร่เดินดิน
แต่ละส่วนของเรื่องนั้นจะใช้เวลาราวๆ 15 นาทีครับ (สั้นมากๆ) รวมแอนิเมชั่นเปิดตัวและก็จบท้ายอีกราวๆ 5 นาทีแล้ว ก็เลยทำให้ Modest Heroes วีรบุรุษเดินดิน นั้นมีช่วงเวลารวมโดยประมาณไม่ถึงชั่วโมงด้วย ซึ่งสั้นกว่าแอนิเมชันทั่วๆไปมากมายๆเลยล่ะจ้ะ แต่ว่าสำหรับแฟนคลับจิบลิ แล้วหลังจากนั้นก็นับได้ว่าเป็นตอนที่น่าตื่นตาตื่นใจรวมทั้งน่าจำอย่างยิ่งจริงๆ เนื่องจากอีกทั้งสามเรื่องถือว่าเป็นการแปลความคำว่า “วีรบุรุษ”ในมุมมองของผู้กำกับแต่ละคน ไม่ว่าจะในโลกแฟนตาซี อย่าง “คินานิกับคานิโน” หรือโลกที่ความเป็นจริงของเด็กที่จำต้องต่อสู้กับโรคภูมิแพ้ไข่อย่าง “ชุน” ไปจนกระทั่งการตีความหมายแบบตลกโปกฮาร้ายของคนเราล่องหน ล่องหนแบบไม่มีน้ำหนักตัวแทบจะลอยละลิ่วไปโน่นเลย
ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงล้วนเป็นวีรบุรุษตัวเล็กๆทั้งหมด ไม่ใช่วีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ระดับมาร์เวลอะไร แต่ว่าก็สามารถทำให้ผู้ชมพอเพียงรู้สึกอิ่มเอมหัวใจ และก็มองโลกในด้านบวกขึ้นมาได้บ้างนะคะ และก็แน่ๆว่าทั้งยัง 3 เรื่องยังมีกลิ่นของความเป็นจิบลิอยู่เยอะพอควร เพียงแค่การดูแลนั้นเป็นการตีความหมายแอนิเมชันของจิบลิออกมาใหม่ในมุมที่ต่างๆนาๆ แต่ว่าดูเหมือนในทางกระแสตอบรับบางครั้งอาจจะมองเฉยๆไปนิดหน่อยจนกระทั่งผู้ผลิตมองไม่ค่อยแน่ใจว่าที่กล่าวว่าเป็น Ponoc Short Films แต่ว่าหากใครกำลังติดตามหนังบน Netflix อยู่แล้วดูเรื่องนี้ก็พอเพียงจะคลายความระลึกถึงจิบลิของเราไปได้อยู่บ้างนะครับ