รีวิว Sailor Moon Eternal Netflix
Sailor moon Eternal Netflix รีวิว พริตตี้ การ์เดี้ยน เซเลอร์มูน อีเทอร์นัล เดอะมูวี่ อนิเมะ ฉบับรีเมคของการ์ตูนคลาสสิกในตำนานที่ได้กลับมาสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทั่วโลก ต้นฉบับมังงะเขียนโดย อ.นาโอโกะ ทาเคอุจิ (ซึ่งปัจจุบันเป็นภรรยาของผู้เขียนเรื่อง Hunter x Hunter) โดยเมื่อยุค 90s ทางค่าย Toei เคยนำมาดัดแปลงเป็นอนิเมะซีรีส์ฉายทางโทรทัศน์แล้วประสบความสำเร็จอย่างมากถึงขั้นปฏิวัติวงการอนิเมะแนวสาวน้อยแปลงร่างไปตลอดกาล
ส่วนเนื้อหาในภาคนี้ หากเทียบกับในมังงะต้นฉบับทั้งหมด 12 เล่มจบ (มีลิขสิทธิ์แปลไทย) จะเป็นเนื้อหาในภาคที่ 4 ซึ่งอยู่ระหว่างเล่มที่ 9-10 แล้วหากเทียบกับอนิเมะเก่าเวอร์ชั่นยุค 90 ก็จะตรงกับภาค Sailor moon Super S
ส่วนในภาค Eternal ฉบับมูวี่ทั้งสองพาร์ท แบ่งเป็นพาร์ทละ 1.20 ชั่วโมง สามารถรับชมได้เลยทาง Netflix
รีวิว Sailor Moon Eternal Netflix เรื่องย่อ
สำหรับเซเลอร์มูน จัดว่าเป็นการ์ตูนที่มีชื่อเสียงและประทบความสำเร็จไปทั่วโลก ได้ชื่อว่าเป็นอนิเมะ 1 ใน 2 เรื่อง ร่วมกับ Dragon Ball ที่เคยสร้างปรากฏการณ์ เข้าไปฉายทางช่อง Cartoon Network ในสหรัฐอเมริกา แล้วสามารถทำเรตติ้งสูงสุดตลอดกาลได้เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน โดยที่ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีอนิเมะซีรีส์เรื่องไหนทำได้แบบสองเรื่องนี้
เซเลอร์มูน เป็นเรื่องราวของ สึกิโนะ อุซางิ เด็กสาวธรรมดาที่ความจริงแล้วในอดีตชาติเธอเคยเป็นถึงเจ้าหญิงแห่งดวงจันทร์ ในชื่อเจ้าหญิงเซเรนิตี้ แต่หลังจากอาณาจักรดวงจันทร์ล่มสลายเพราะสงครามกับอาณาจักรโลกที่เกิดจากความเข้าใจผิด ทำให้เธอกลับชาติมาเกิดในยุคปัจจุบันร่วมกับเหล่าองครักษ์คู่กายทั้งสี่คน และคนรักในอดีตชาติคือ เจ้าชายของอาณาจักรโลก เอเดเมียน ที่ได้กลับชาติมาเกิดเป็นชายหนุ่มชื่อ มาโมรุ แล้วในชาติปัจจุบัน อุซางิและเพื่อนอีกสี่คนที่ได้กลับมาพบกันก็ได้รับพลังอัศวินเซเลอร์เพื่อร่วมมือกันต่อสู้กับเหล่าศัตรูที่ต้องการยึดครองโลก
เรื่องราวในภาคนี้จะเริ่มต้นขึ้นในช่วงเวลาสงบสุขของพวกเหล่าอัศวินเซเลอร์ หลังจากผ่านศึกใหญ่ทั้งสามครั้ง อุซางิ มาโมรุ และ อุซางิน้อย หรือ จิบิอุสะ ซึ่งที่จริงแล้วคือลูกสาวของอุซางิและมาโมรุที่กลายเป็นราชินีและราชาของอาณาจักรซิลเวอร์มิเลเนียมที่ถูกฟื้นฟูขึ้นมาในโลกอนาคตศตวรรษที่ 30 กว่าพันปีข้างหน้า ที่ได้ย้อนกลับมายังโลกปัจจุบัน ก็ถึงเวลาที่อุซางิน้อยจะต้องเดินทางกลับไปยังอนาคต แต่แล้วยังไม่ทันจะได้เดินทางกลับ ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น เมื่อทั้งอุซางิและอุซางิน้อยได้พบว่ามีม้าเปกาซัส ที่ชื่อว่า เฮลีออส เดินทางมาขอความช่วยเหลือ แล้วบอกว่ากำลังตามหาหญิงสาวที่มีความฝันบริสุทธิ์ที่สุด เพื่อจะปกป้องโลกนี้จากความชั่วร้ายซึ่งจะนำมาพวกเดดมูน ที่มีผู้นำคือ ราชินีเนเฮลเนีย พร้อมกับพวกอเมซอนเนส
ในภาคนี้จึงเป็นการต่อสู้ครั้งใหม่ ศัตรูกลุ่มใหม่ พร้อมกับพลังใหม่ที่จะยกระดับให้เหล่าอัศวินเซเลอร์ รวมถึงทำให้เซเลอร์มูนกลายเป็นร่างที่ใกล้เคียงกับคำว่าร่างสุดยอดนั่นคือ เซเลอร์มูนอีเทอร์นัล
ความรู้สึกหลังดู
ก่อนอื่นขอชื่นชมทีมพากย์ไทยของเรื่องนี้ ซึ่งก็เป็นทีมพากย์ชุดเดิมจากที่เคยพากย์เซเลอร์มูนในช่อง 9 มาก่อน รวมถึงฉบับคริสตัลทั้งสามภาคที่รีเมคมาฉายใหม่ ก็ยังเป็นทีมนี้ และทำได้ดีมาก สมกับที่ทั้งทีมได้คว้าราลวังโทรทัศน์ทองคำในปี พ.ศ. 2560 ในสาขาทีมพากย์ โดยผลงานที่ทำให้ได้รางวัลก็มาจากการพากย์เรื่องเซเลอร์มูนคริสตัลนั่นเอง
แล้วที่ต้องชมมาก็คือ คุณเปียก วิภาดา จตุยศพร ที่รับบทเซเลอร์มูน ก็ยังคงทำได้ดีมากตามมาตรฐานที่สร้างไว้สูงจนยากที่จะหาใครเทียบเคียงได้ในการพากย์บทนี้ และยังมีการกลับมาพากย์บทมาโมรุของ น้าต๋อยเซมเบ้ ที่ต้องยอมรับว่าด้วยอายุและสุขภาพของน้าต๋อ อาจจะทำให้การออกเสียงดูแปลกไปบ้าง แต่ในแง่มาตรฐานก็ยังทำได้ดีครับ แน่นอนว่ารวมถึงทีมนักพากย์คนอื่นด้วย
ข้อดี มากอีกเรื่องก็คืองานสร้าง โปรดักชั่น CG ทำได้ตามระดับมาตรฐาน ถือว่าเป็นงานที่ Toei เผาน้อยเป็นอันดับต้นๆ ถ้าเปรียบเทียบกับเซเลอร์มูนคริสตัลที่ฉายในโทรทัศน์ก่อนหน้านี้ที่งานค่อนข้างเผามาก ก่อนจะไปแก้ลงแผ่นบลูเรย์ในภายหลัง อีกทั้งอนิเมะยังมีความพยายามทำให้ได้ใกล้เคียงกับต้นฉบับมังงะด้วย ไม่ว่าจะเป็นซีนสำคัญๆ แม้แต่ฉากแสดงหน้าตาตลกๆตามสไตล์มังงะ รวมถึงไดอาล็อคและบทพูดที่สำคัญก็แทบจะดึงเอามากจากมังงะมาใช้เกือบทั้งหมด
ข้อดีอีกอย่างของภาคนี้ก็คือ มันเป็นภาคที่มีความเป็น Coming of Age สูงกว่าภาคอื่น โดยเฉพาะการเติบโตด้านความคิดอ่านของเหล่าอัศวินเซเลอร์ และตัวของอุซางิน้อยซึ่งเป็นตัวเอกคนสำคัญอีกคนหนึ่งของภาคนี้ หรือถ้าจะบอกว่าเธอคือนางเอกตัวจริงของภาคนี้เลยก็ว่าได้ เพราะมันโฟกัสไปที่การเติบโตด้านความคิดอ่านของเธอโดยเฉพาะ
แต่ข้อด้อย ก็มีอยู่เหมือนกัน เพราะเปิดเรื่องมาจะไม่มีการ Recap เนื้อหาจากภาคก่อนเลย ดังนั้นคนที่ไม่เคยได้ดูเซเลอร์มูนมาก่อนรับรองว่าจะงงในความสัมพันธ์ของเหล่าตัวละครแน่นอน หรือแม้แต่คนที่ดูมานานแล้วลืม ก็อาจจะงงๆ สักหน่อย แต่ถ้าเป็นแฟนที่เคยอ่านมังงะต้นฉบับมาก่อน รับรองว่าถูกใจแน่นอน ในขณะที่แฟนๆจากอนิเมะยุค 90 ก็สามารถดูเพื่อรำลึกแบบ Nostalgia ได้เหมือนกัน
นอกจากนี้บทบรรยายไทยของเรื่องที่แปลชื่อตัวละครอุซางิและอุซางิน้อย ก็แปลแบบตรงตัวเกินไปนิด เช่นในบทบรรยายไทย ชื่อเล่นของอุซางิที่มาโมรุเรียกคือ อุสะ ก็แปลเป็นกระต่าย และ อุซางิน้อย หรือ จิบิอุสะ ก็มีการแปลตรงความหมายเลยว่า กระต่ายน้อย แล้วจะมีแบบนี้หลายรอบ ตอนดูอาจจะแปลกๆสักหน่อย
ข้อด้อยอีกอย่างคือฉากต่อสู้ที่อาจจะไม่สะใจคอแอ็กชั่น โดยเฉพาะคนที่ชินกับการดูอนิเมะแนวสาวน้อยแปลงร่างยุคใหม่ที่เน้นฉากแอ็กชั่นอลังการต่างๆ ซึ่งในอนิเมะทั้งสองพาร์ทนี้ก็มีความพยายามที่จะปรับให้ออกมาดูอลังการที่สุดแล้ว แต่เนื่องจากฉากแอ็กชั่นของเรื่องนี้ในต้นฉบับมังงะมีความเป็นนามธรรมและเป็นฉากต่อสู้ในสไตล์การ์ตูนโชโจ การตัดต่อฉากแอ็กชั่นในการต่อสู้กับบอสใหญ่ก็เลยมีข้อจำกัดอยู่บ้าง
แล้วยังมีคำเตือนเล็กน้อย เนื่องจากเรื่องนี้ไม่ใช่การ์ตูนสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี (หนังก็แปะไว้แล้วว่าเป็น 13+) มีฉากเซอร์วิสคนดูรุ่นหนวดประปราย และบางฉากที่ส่อไปทาง 18+ อีกทั้งบทพูดและไดอาล็อคแนวจริตของผู้หญิงวัยรุ่นที่ค่อนข้างโตกว่าวัย รวมถึงบทของอุซางิน้อยที่มีความแก่แดดในเรื่องความรักชายหญิงที่อาจจะดูแล้วรู้สึกว่าเกินกว่าวัยไปบ้าง แล้วนี่ยังเป็นภาคที่มีตัวละครแนว LGBT ออกมาด้วย ทั้งฝั่งของศัตรูเอง และฝั่งของอัศวินเซเลอร์เอง เช่นคู่ของ ฮารุกะ และมิจิรุ
อุซางิน้อย ได้เป็นตัวเอกร่วม
เดิมทีในฉบับมังงะของภาคนี้ ผู้เขียนอย่าง อ.นาโอโกะ ต้องการจะโฟกัสเรื่องราวไปที่การเติบโตของ อุซางิน้อย ให้มากขึ้น เรียกง่ายๆว่าภาคนี้มีการดันบทของเธอขึ้นมาเป็นนางเอกคู่กับอุซางิอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก หลังจากในภาคสอง ที่แม้ว่าเธอจะเป็นคีย์สำคัญของเรื่องราวและมีการเจาะปมความขัดแย้งที่เธอมีกับพ่อแม่ แต่ก็ไม่ได้มีบทร่วมสู้อย่างจริงจัง ส่วนในภาคสาม แม้ว่าเธอจะได้มีบทสร้างความสัมพันธ์เป็นเพื่อนกับ โฮตารุ ที่เป็นร่างของเซเลอร์แซทเทิร์น แต่ในแง่บทร่วมต่อสู้และพัฒนาการด้านคาแรคเตอร์ก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก
จนกระทั่งในภาค 4 นี้เอง ที่อุซางิน้อยได้รับบทเป็นตัวเอกร่วมอย่างจริงจัง โดยหากย้อนไปดูในอนิเมะเวอร์ชั่นยุค 90 เคยมีบทสัมภาษณ์ของผู้กำกับในสมัยนั้นว่าก็มีความคิดเห็นตรงกันกับอ.นาโอโกะพอดีที่ต้องการจะดันคาแรคเตอร์ของอุซางิน้อยบ้าง ทำให้ฉากแปลงร่างของอุซางิในภาคสี่ (หรือภาค Super S) จะเป็นการแปลงร่างร่วมกันระหว่างอุซางิและอุซางิน้อยเกือบทุกครั้งจนจบซีซัน รวมถึงฉากแปลงร่างของภาคนี้ จะมี Easter Egg จากเวอร์ชั่น 90 แฝงมาด้วย
ที่สำคัญคือ ภาคนี้อุซางิน้อยจะได้พบกับตัวละครที่น่าจะกลายเป็นว่าที่สามีของเธอในอนาคตอย่าง นักบวชเฮลีออส รวมถึงกลุ่มสี่สาวน้อยอเมซอนเนสที่กลายเป็นศัตรูในครึ่งหลังของภาคนี้ แท้จริงแล้วพวกเขาก็คือว่าที่อัศวินเซเลอร์ที่จะมาเป็นองครักษ์ในอนาคตของอูซางิน้อย (ซึ่งเรื่องนี้จะถูกเฉลยในภาคสุดท้าย)
สรุป
ภาคที่ 4 ของเซเลอร์มูนฉบับรีเมค ที่สร้างตามต้นฉบับมังงะของ อ.นาโอโกะ ได้ใกล้เคียงที่สุด โปรดักชั่นดี แทบไม่มีเผา แฟนเซเลอร์มูนทุกคนต้องดู เพราะนี่คือภาคที่เนื้อหาแฮปปี้ที่สุด
จุดเด่น
โปรดักชั่นดี งานภาพ CG โมชั่นเคลื่อนไหว ทำได้ดี
มีความพยายามทำให้ลายเส้นและลำดับเรื่องใกล้เคียงกับต้นฉบับมังงะที่สุด ทั้งฉากสำคัญ ไดอาล็อค บทพูด กระทั่งฉากแสดงอารมณ์
เล่าเรื่องเร็ว กระชับ ไม่ยืดเยื้ด
เป็นอนิเมะสาวน้อยแปลงร่างที่เด็กผู้ชายก็ดูได้ ครึ่งหลังจะมีฉากแอ็กชั่นเยอะขึ้น
เพลงประกอบทำได้อลังการดี
มีพากย์ไทย เป็นทีมเดิมที่เด็กยุค 90 คุ้นเคยจากช่อง 9 ทีวี
ทีมพากย์ไทยเก่งมาก ตอนที่อุซางิและอุซางิน้อยสลับอายุกัน คนพากย์ก็จะดัดเสียงให้เข้ากับอายุด้วย
จุดด้อย
ไม่มี Recap เล่าย้อนเรื่องราวจากภาคก่อนๆ ถ้าไม่ใช่แฟนเซเลอร์มูนมาก่อนอาจดูจะไม่รู้เรื่องว่าใครเป็นใคร โดยเฉพาะบทของอุซางิน้อยที่มาจากอนาคต
เนื้อหาในพาร์ทแรกเป็นการแบ่งบทสู้ เหมือนดูอนิเมะแบบรายตอนแล้วมาต่อกันมากกว่าจะเป็นมูวี่หนังยาว
ฉากแอ็กชั่นในเรื่องมาแนวยิงท่าไม้ตายใส่กัน ใครคาดหวังต้องมีฉากสู้แบบสมจริงอาจจะใม่ใช่แนว
ในซับไทยมีการแปลชื่อของอุซางิและอุซางิน้อย คือ กระต่ายและกระต่ายน้อย เป็นการแปลแบบตรงตัวหลายครั้งเกินไป