รีวิว เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่

 

 

ใครเคยรู้จักตำนานเจ้าหญิงคางุยะบ้างมั้ยคะ ดูอนิเมะ  คิดว่าหลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินตำนานเด็กสาวที่ออกมาจากกอไผ่ การ์ตูนอนิเมะผู้ชายภาพยนตร์จากค่ายจิบลิเรื่องนี้

จะนำตำนานนี้มาขยี้ให้ลึกซึ้งมากขึ้น ทัชใจคนดูอย่างเรามากขึ้น

 

 

รีวิว เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ ข้อมูลทั่วไป

 

รีวิว เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ (ญี่ปุ่น: かぐや姫の物語; โรมาจิ: คะงุยะฮิเมะ โนะ โมะโนะกะตะริ แปล: ตำนานธิดาคะงุยะ) เป็นภาพยนตร์อนิเมะแนวแฟนตาซีดรามา ผลิตโดยสตูดิโอจิบลิ กำกับและร่วมเขียนบทโดยอิซะโอะ ทะกะฮะตะ โดยอาศัยเค้าโครงจากตำนานคนตัดไผ่ ซึ่งเป็นตำนานพื้นเมืองของญี่ปุ่น ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม ในงานประกาศรางวัลครั้งที่ 87อนิเมะญี่ปุ่น
ภาพยนตร์เรื่องนี้เดิมมีกำหนดการเข้าฉายในฤดูร้อนของปี 2556 ซึ่งเป็นเวลาไล่เลี่ยกันกับภาพยนตร์อนิเมะของสตูดิโอจิบลิอีกเรื่องที่กำกับโดยฮะยะโอะ มิยะซะกิ คือเรื่อง ปีกแห่งฝัน วันแห่งรัก ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของสตูดิโอที่มีการปล่อยผลงานของสองผู้กำกับออกมาในเวลาไล่เลี่ยกันนับตั้งแต่ โทโทโร่เพื่อนรัก กับ สุสานหิ่งห้อย ในปี 2531 อย่างไรก็ตาม ในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 บริษัทโทโฮซึ่งเป็นผู้จำหน่ายและเผยแพร่ก็ได้ติดสินใจเลื่อนการฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ออกไปเป็นในฤดูใบไม้ร่วง 2556 แทน โดยอ้างเหตุผลเกี่ยวกับบทภาพที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์อนิเมะญี่ปุ่น

 

 

 

เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ The tale of the princess kaguya เอาตำนานมาเล่าเป๊ะๆ เลยค่ะ ตั้งแต่เริ่มต้นยันจบ เอาเป็นว่าในด้านเนื้อหานั้นตำนานเจ้าหญิงกอไผ่ก็ทำเราร้องไห้ทุกครั้งที่ได้ฟังอยู่แล้ว พอมาดูเป็นหนังแบบนี้ก็ยิ่งน้ำตาแตกดราม่าเข้าไปใหญ่

 

สิ่งดีงามนอกเหนือจากเนื้อเรื่องก็คืองานภาพของอนิเมชั่นเรื่องนี้ เราชอบลายเส้นนี้มากๆ เหมือนเอาสีน้ำมาสะบัดๆ ให้กลายเป็นภาพขึ้นมาซักภาพนึง แต่ความรู้สึกที่ได้จากภาพง่ายๆ พวกนี้มันกลับทำให้เราอมยิ้ม อุ่นใจเบาสบายมากๆ โดยเฉพาะซีนที่ค่อนข้าง fantasy คือด้วยอารมณ์ตอนนั้น เรารู้สึกเหมือนตัวเองหลุดออกไปอีกโลกนึงเลย

 

 

เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ The Tale of Princess Kaguya แอนิเมชันเรื่องสุดท้ายจากปลายปากกาของ ‘อิซาโอะ ทาคาฮาตะ’ ผู้ร่วมก่อตั้งสตูดิโอจิบลิ ที่โดดเด่นด้านการหยิบประเด็นหนักหน่วงในสังคมมาสอดแทรกในแอนิเมชัน ภาพวาดดินสอและสีน้ำที่ชวนอบอุ่นหัวใจของ ‘The Tale of Princess Kaguya’ นั้นแฝงไปด้วยความเศร้าของภาระหน้าที่ ความคาดหวัง และการจากลา

 

 

เรื่องย่อ

 

หนัง เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ The Tale of Princess Kaguya แอนิเมชั่น วาดมือลายเส้นงามดัดแปลงจากนิทานพื้นบ้านในตำนานชื่อดังของญี่ปุ่นเรื่อง ทาเคโทริ โมโนกาตาริ หรือ เรื่องของคนตัดไผ่ ว่าด้วยเรื่องของคนตัดไผ่ที่บังเอิญไปพบเจ้าหญิงตัวน้อยน่ารักในปล้องไผ่เรืองแสงในป่า เขาเก็บเธอมาเลี้ยง ตั้งชื่อว่า คะงุยะ และพาเธอเข้าไปใช้ชีวิตในเมือง ไม่นานนักเธอก็โตเป็นสาวสะพรั่ง และมีเจ้าชายมาสู่ขอเธอเพื่อแต่งงานถึงห้าคน

 

เธอจึงทดสอบทุกคนด้วยการมอบภารกิจยากๆ เพื่อให้ไม่มีใครทำสำเร็จ ซึ่งก็เป็นไปตามที่เธอคาด แต่แล้วเสียงร่ำลือเกี่ยวกับความงามของเธอก็ดังไปถึงหูพระจักรพรรดิญี่ปุ่นจนได้ คางุยะ ทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาความเป็นตัวเองเอาไว้ ก่อนที่ในเวลาถัดมาเธอจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับชะตาชีวิตของตัวเอง

 

สองตายายผู้ไม่มีลูกหลานอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ริมป่า วันหนึ่งตาเข้าไปตัดไผ่ในป่าและพบต้นไผ่ต้นหนึ่งที่มีแสงเรืองรองออกมาน่าอัศจรรย์ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่สองตายายได้พบกับเด็กวิเศษที่เกิดจากกระบอกไม้ไผ่ ที่ทั้งคู่รักและทะนุถนอมราวกับเลือดเนื้อเชื้อไข ขณะเดียวกันคุณสมบัติและสถานภาพที่พิเศษของเธอก็ทำให้ตายายเทิดทูนให้เธอเป็นเจ้าหญิงตามขนบสังคมที่หมายถึงความเป็นผู้ดี มีเกียรติ เป็นใหญ่เป็นโตในสังคม

 

เรื่องราวคลาสสิคของเจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ถูกบอกเล่าอย่างงดงามที่สุดด้วยลายเส้นและระบายสีน้ำที่ละเอียดลออ ความพิถีพิถันในการเล่าเรื่องด้วยภาพที่มีความเป็นกวีสูงมากอันเป็นลายเซ็นทรงเสน่ห์ของสตูดิโอจิบลิ อนิเมชั่นในแบบที่เราสัมผัสได้ถึงความเป็นงานฝีมือมนุษย์ หรือ Human Touch ที่หาไม่ได้จากสตูดิโออื่นที่ใช้สอยประโยชน์จากคอมพิวเตอร์กราฟฟิกเป็นหลัก

 

 

รีวิว เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่

 

 

เนื้อเรื่อง

 

เรื่องราวของมิยาสึโกะและภรรยาที่ได้พบกับเจ้าหญิงตัวน้อยในต้นไผ่ พวกเขาเก็บเธอมาเลี้ยงดูอย่างดีที่สุด มอบความรักให้เท่าที่พวกเขาจะทำได้ แม้ไม่ได้ร่ำรวยเงินทอง เจ้าหญิงตัวน้อยเติบโตขึ้นมาอย่างมีความสุขในชนบทที่เรียบง่าย ปีนต้นไม้ ล่าไก่ฟ้า โหนเถาวัลย์ เก็บผลไม้ และร้องเพลงไปพร้อมกับเพื่อนๆ

 

 

จนวันหนึ่งคนตัดไผ่ตัดสินใจว่า ‘เจ้าหญิง’ ของเขาจะต้องได้รับ ‘สิ่งที่ดีที่สุด’ เท่าที่เขาจะหาได้ พวกเขาจึงย้ายจากกระท่อมเล็กๆ กลางป่า ไปอยู่ในปราสาทหรูหราโอ่อ่าในเมืองหลวง ด้วยเงินทองและผ้าไหมชั้นดีที่เขาได้รับจากต้นไผ่ต้นเดิมที่เขาพบเจ้าหญิงน้อย  เจ้าหญิงกระบอก ไม้ไผ่ ช่อง 7

 

วันแรกของการใช้ชีวิตอย่างเจ้าหญิงนั้นช่างรื่นรมย์ ได้อยู่ในปราสาทกว้างขวางใหญ่โต มีเสื้อผ้าอาภรณ์​ชั้นดีสีสันสดใสสวมใส่ คนรับใช้นับสิบคอยอำนวยความสะดวก เมื่อคิดถึงการเอาตัวรอดในกระท่อมฟางหลังเล็ก เสื้อผ้าเก่าขาดวิ่น ชีวิตในวังนั้นมีความสุขกว่าเป็นไหนๆ

 

 

แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นแสนสั้น และการเป็น ‘เจ้าหญิง’ มีสิ่งต้องแลกมากกว่าที่คิด เมื่อเธอได้พบกับราชครูที่จะมาสอนการใช้ชีวิตอย่าง ‘หญิงสูงศักดิ์’ ที่ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะมีเหงื่อออก หัวเราะสุดเสียง ร้องไห้ โมโห หรือโวยวาย  เกิดจากกระบอกไม้ไผ่ ไทย

รีวิว เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่

 

“ถ้าอย่างนั้นหญิงสูงศักดิ์ก็ไม่ใช่คนแล้วล่ะ” เจ้าหญิงตะโกนใส่ราชครูและวิ่งหนีออกไป ความร่าเริงที่เคยมีอยู่เต็มหัวใจเริ่มเหลือน้อยลงไปทุกที

 

 

มีเพียงกระท่อมและสวนหลังปราสาทที่แม่ของเธอขอให้สร้างเอาไว้ใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือนในชนบท เจ้าหญิงเริ่มปลูกผักที่เธอชอบ สร้างสวนเล็กๆ จำลองป่าเขาที่เธอเติบโตขึ้นมา และมานั่งพักผ่อนหย่อนใจ เล่าสิ่งต่างๆ ให้แม่ฟังในวันที่เธอเหนื่อยล้าจากความคาดหวังต่างๆ เป็น ‘พื้นที่ปลอดภัย’ เพียงหนึ่งเดียว ที่เธอสามารถถอดความเป็น ‘หญิงสูงศักดิ์’ และใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ

 

 

วันเวลาผ่านไปเธอได้เรียนรู้ว่าการเป็นหญิงสูง​ศักดิ์นั้นคือการ ‘ก้มหน้า’ ยอมรับธรรมเนียมปฏิบัติอันดีงามที่สังคมวางเอาไว้ และนอกจาก ‘สิ่งที่ดีที่สุด’ เธอก็คู่ควรกับ ‘ชื่อที่ดีที่สุด’ ทุกอย่างฟังดูเป็นเรื่องน่ายินดี ยกเว้นเพียงแต่เธอไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำ ว่าสิ่งที่คนบอกว่าดีที่สุดนั้น ‘ดี’ กับเธอจริงๆ หรือเปล่า

 

 

มิยาสึโกะเชิญเหล่าขุนนางจากทั่วทุกสารทิศ​มาร่วมงานฉลองการตั้งชื่อ ‘เจ้าหญิงคางุยะ’ ที่ขุนนางชั้นสูงในราชสำนักเป็นคนตั้งให้ งานเลี้ยงจัดขึ้นเป็นเวลาสามวันสามคืน โดยที่เจ้าของชื่อนั้นไม่แม้แต่จะได้รับสิทธิ์ในการเชิญเพื่อน ‘ชาวบ้าน’ ที่เธอคิดถึงมาร่วมงานได้สักคน ในขณะที่ทุกคนรื่นเริง สนุกสนาน แต่เธอกลับไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปพบปะแขกเหรื่อหรือทำสิ่งใด  เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ วิเคราะห์

 

 

 

 

นอกจากนั่งอยู่หลังม่านไม้ไผ่ที่ปิดมิดชิด อดกลั้นฟังคำดูหมิ่นของเหล่าขุนนางที่มีต่อเธอ จนเกิดเป็นฉากจินตนาการวิ่งหนีออกจากปราสาทด้วยความเกรี้ยวโกรธกว่า 30 วินาทีที่วาดด้วยเส้นดินสอแบบดิบๆ สื่ออารมณ์โกรธของเจ้าหญิงคางุยะได้อย่างชัดเจน

 

 

เมื่อถึงวัยที่ ‘ใคร’ คิดว่าสมควร หญิงสูง​ศักดิ์​จำต้องคู่กับชายสูงศักดิ์​ เสนาบดีและเจ้าชายมากหน้าหลายตาที่พ่อของเธอคัดเลือกมาให้นั้นพยายามชนะใจเจ้าหญิงคางุยะด้วยการเปรียบเปรยความงามของเจ้าหญิงคางุยะด้วยสมบัติในตำนาน

 

 

เธอจึงยื่นข้อเสนอว่าจะยอมแต่งงานกับผู้ที่ไขว่คว้าหาสมบัติที่ไม่มีอยู่จริงเหล่านั้นมาวางแทบเท้าของเธอได้ ไม่ใช่เพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขา ‘เห็นค่า’ เธอจริงหรือไม่ แต่เป็นการ ‘ไล่’ คนเหล่านี้ออกไปจากชีวิต เพราะเธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกเขาไม่ได้เห็นค่าความเป็น ‘มนุษย์’ ของเธอ แต่เห็นเธอเป็น​สมบัติที่ครอบครองไว้เพื่อโอ้อวดเพียงเท่านั้น

 

 

มิยาสึโกะไม่เคยเห็น ไม่เคยเข้าใจ และไม่เคยคิดที่จะเข้าใจว่าแท้จริงแล้ว ‘ความสุข’ ที่เจ้าหญิงคางุยะอยากได้จริงๆ นั้นเป็นอย่างไร นิยามคำว่า ‘สิ่งที่ดีที่สุด’ จึงเป็นสิ่งที่เขาคิดเอาเองทั้งสิ้น ทั้งชีวิตอย่างหญิงสูงศักดิ์ในเมืองหลวง งานเลี้ยงที่เป็นหน้าเป็นตาสร้างชื่อเสียงในวงสังคม และการแต่งงานแบบคลุมถุงชนกับชายสูงศักดิ์ ฯลฯ

 

 

สิ่งเหล่านั้นค่อยๆ กัดกินหัวใจอันบริสุทธิ์ของเจ้าหญิงคางุยะไปทีละน้อย โดยมีแม่ของเธอมองอยู่ห่างๆ แต่ก็ไม่อาจช่วยอะไรได้มากไปกว่าการให้พื้นที่ที่เธอสามารถเป็นตัวเองได้

 

 

แม้กระทั่งวันที่มีพระราชโองการจากองค์จักรพรรดิเรียกคางูยะไปถวายตัวเป็นพระสนม พร้อมข้อเสนอเป็นยศถาบรรดาศักดิ์มากมายให้มิยาสึโกะ เขาก็ยังร้องรำทำเพลงนำสิ่งที่เขาคิดว่าเป็น ‘ข่าวดี’ มาบอกคางูยะ

 

 

 

“ในที่สุดเจ้าหญิงจะได้มีความสุขเสียที”

 

เป็นอีกครั้ง และอีกครั้ง ที่เขาไม่ทันคิดเลยว่าข่าวดีที่เขาแสนภูมิใจ อาจเป็น ‘ข่าวร้าย’ ที่สุดในชีวิตของคางูยะ กว่าจะรู้ตัวว่าความสุขและหมวกขุนนางของผู้เป็นพ่อนั้นอาจต้องแลกมาด้วย ‘ชีวิต’ ของลูกสาวที่ขอทำ ‘หน้าที่’ เป็นครั้งสุดท้าย ทุกอย่างก็สายเกินไป

 

 

เพราะแม้จะถูกมองว่าสูงศักดิ์เพียงใด ก็ไม่มีใครสามารถขัดขืนความประสงค์ขององค์จักรพรรดิ ยกเว้นคำขอพรต่อ ‘ดวงจันทร์’ ที่อยู่เหนือขึ้นไป

 

 

จุดเริ่มต้นจากความรัก ความหวังดี ที่มิยาสึโกะหยิบยื่นให้เพราะหวังมอบ ‘สิ่งที่ดีที่สุด’ ให้เจ้าหญิงตัวน้อย ได้พาทั้งตัวละครและคนดูทั้งหมดกลับมาตรวจสอบ และตั้งคำถามว่าแท้จริงแล้วความสุขคือสิ่งใด และเป็นของใครกันแน่

 

เราไม่อาจบอกได้ว่าความหวังดีแบบไหนเรียกว่า ‘ดีที่สุด’ แต่อย่างน้อยขอให้อ้อมกอดสุดท้ายระหว่าง ‘พ่อแม่ลูก’ และคำขอให้อภัยที่คางูยะไม่อาจเป็นความสุขที่ดีของพวกเขาก่อนที่เธอต้องกลับไปอยู่บนดวงจันทร์

 

 

ได้ทำให้ทุกคนกลับมาคุยกันว่าความสุขคืออะไร อย่ารอให้ใครต้องกลับขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์ก่อนอีกเลยเจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ เรื่องย่อ

 

รีวิว เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่

 

รีวิว เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ สิ่งที่น่าสนใจ

 

รีวิว เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ หนังเรื่องนี้ยังถ่ายทอดวัฒนธรรมศิลปะของการเล่าเรื่องในแบบญี่ปุ่นได้อย่างเต็มอิ่ม ไม่ว่าจะเป็นงานวรรณกรรม หรืองานภาพยนตร์ของญี่ปุ่นนั้นมันจะโดดเด่นงดงามไม่เหมือนใคร ความอ่อนไหวโรแมนติก ความเป็นกวี ภาพที่ถ่ายทอดออกมาเป็นได้มากกว่าแค่รับใช้การเล่าเรื่อง หลายครั้งมีการอ้อยอิ่งและไหลลื่นดูดซึมไปกับบรรยากาศอย่างงดงามโดยที่ไม่ได้พยายามจะใช้ภาพต่อภาพ ช็อตต่อช็อต ประเด็นต่อประเด็นที่มีเหตุผลคล้องจองกันขับเคลื่อนเรื่องไปข้างหน้าเป็นเส้นตรงไปจนถึงบทสรุป ซึ่งลายเซ็นภาพของสตูดิโอจิบลินั้นขับเน้นแก่นเสน่ห์ในแบบญี่ปุ่นออกมาได้ลงตัวงดงามเสมอ

 

เส้นเรื่องในหนังเรียบง่าย มีความสนุกเพลิดเพลินแบบนิทานพื้นบ้าน รายล้อมด้วยประเด็นค่านิยมสังคมที่ปะทะกับความเป็นเสรีนิยม ธรรมชาติและพลังอำนาจจากเบื้องบน สิ่งที่น่าสนใจมากคือการที่สองตายายเชื่อว่าเด็กหญิงนั้นเป็นเจ้าหญิง โดยที่คิดไปเองว่าเจ้าหญิงนั้นคือเจ้าหญิงในกรอบทางสังคมของตนเอง คือเจ้าหญิงที่ต้องอยู่ในคฤหาสน์หรู แต่งองค์ทรงเครื่องอย่างผู้ดี และเป็นที่หมายปองของบรรดาเจ้าชายทั่วทุกทิศ ความเป็นเจ้าหญิงประกอบสร้างที่ค่อยๆ ลดเลือนความเป็นเจ้าหญิงที่แท้จริงของเธอ

 

อนิเมชั่นจากสตูดิโอจิบลินั้นวาดลวดลายฝากความประทับใจให้กับนักดูหนังทั่วโลกมานานแล้ว แต่กลับมีพื้นที่ในความสนใจและรับรู้ของคนไทยไม่มากนักอันเนื่องมาจากอิทธิพลมหาศาลของฮอลลีวู้ดที่แทบจะผูกขาดรสนิยมดูหนังของคนไทย เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทุกวันนี้หนังจิบลิมีพื้นที่ในโรงภาพยนตร์ไทยอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นเรื่องที่แฟนหนังจิบลิกลุ่มเล็กๆ ในไทยไม่เคยคาดคิดมาก่อน แม้จะมีแต่น้อยรอบและลาโรงไปในเวลาไม่นานนัก แต่นี่คืออนิเมชั่นอีกแนวทางหนึ่งซึ่งเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ที่งดงาม การเล่าเรื่องที่มีความเป็นกวีอาจไม่ได้มอบความเพลิดเพลินในแบบที่คุ้นเคย แต่ก็เป็นความเพลิดเพลินในอีกอรรถรสหนึ่งซึ่งน่าเปิดใจลิ้มลองเอามากๆ

 

 

ความรู้สึกหลังดู

 

ด้วยงานภาพที่สวยงามจนไม่อยากละสายตาไปไหน ทำให้พอมารวมกับความธรรมชาติ และชีวิตของเจ้าหญิงในเมืองหลวง เราเห็นถึงความสวยงามของวิถีชีวิตทั้งสองแบบที่ contrast กันมากๆ แต่ก็ยังผูกกันไว้ด้วยความงามของภาพที่สื่อออกมา เราเห็นความหุบเขา ต้นไม้ ดอกไม้ แมลง บ้านไม้ การละเล่นของเด็กๆ ผ่านลายเส้นสวยๆ แล้วพอเปลี่ยนไปเป็นซีนเมืองหลวง เราก็ไดเห็นความงามของคฤหาสน์ เครื่องแต่งกาย เครื่องสำอางคนของชาวญี่ปุ่นสมัยก่อน ซึ่งมันคืออิ่มตาอิ่มใจมาก แค่เข้าไปเสพภาพก็ชนะขาดแล้วสำหรับเจ้าหญิงคางุยะของเรา

 

นอกจากงานภาพ งานเสียงก็เอาเรื่องเลยล่ะ อย่างที่บอกว่าเราจะได้เห็นวิถีชีวิตชาวญี่ปุ่นโบราณ ซาวด์บางอย่างก็ทำให้เราตื่นเต้นเล่นๆ ทีมงานคือประณีตจัดเต็มมากๆ เสียงวิ่งบนพื้นไม้เอย เสียงแมลงเอย เสียงเครื่องดนตรีของเจ้าหญิงเอย คือมันสุดจริงๆ

 

 

หนังเล่าเรื่องราวของเจ้าหญิงออกมาได้อย่างน่ารักน่าชัง พอเธอยิ้ม หัวเราะ เราก็อยากจะยิ้มตาม แต่พอเจอเรื่องบีบใจ เราก็ปวดใจตามเธอ เราสัมผัสความรู้สึกของเจ้าหญิงได้ ยิ่งเวลาผ่านไปเราก็อึดอัดใจไปกับเจ้าหญิงมากขึ้นเรื่อยๆ พอถึงจุดที่เธอระเบิดออกมาเราเองก็ระเบิดตาม คือเราผูกพันกับชีวิตเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมากๆ แม้จะผ่านไปไม่ถึงสองชั่วโมงก็ตาม

 

สารของหนังจริงๆ มันเยอะอยู่เหมือนกัน ทั้งในแง่ของความเป็นใหญ่ของผู้ชาย อำนาจ เงินทอง อะไรมากมายที่เอามาเล่าแนบไปกับเรื่องอย่างเรียบเรียน แต่ก็พอจะจึ้กใจคนดูอย่างเราอยู่บ้าง

 

พอมาตอนจบ ขนาดคนที่รู้ตำนานอยู่แล้วก็ยังอดน้ำตาซึมไม่ได้ ด้วยความที่อารมณ์มันโดนบิ้วมาเรื่อยๆ ด้วยจากตอนแรกที่เรายังยิ้มให้กับความร่ารักของเจ้าหญิง พอเธอโตขึ้นก็เริ่มเจออะไรมากขึ้น จนถึงตอนจบที่มันตู้มอารมณ์เข้ามาเต็มๆ แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ยังคงคีพความงามไว้อยู่ มันเลยเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่งดงามจริงๆ

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *