รีวิว Kimetsu No Yaiba (Demon Slayer)

Kimetsu no Yaiba (ชื่อภาษาอังกฤษ Demon Slayer) หรือในชื่อตามฉบับลิขสิทธิแปลไทยคือ “ดาบพิฆาตอสูร” ซึ่งปัจจุบันออกกับ สนพ.สยามอินเตอร์แล้ว 17 เล่ม และยังไม่จบ สำหรับในฉบับอนิเมะก็กำลังติดเทรนด์และเป็นกระแสอยู่ที่ญี่ปุ่นและผู้ชมในต่างประเทศทั่วโลกด้วย

ดูอนิเมะออนไลน์

ดาบพิฆาตอสูร Kimetsu no Yaiba เป็นสุดยอดอนิเมะมาแรงแห่งปี 2019 ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ายอดเยี่ยมเกินคาด แล้วยังส่งผลไปถึงการผลักดันยอดขายของมังงะฉบับรวมเล่ม จนกระทั่งสามารถทำยอดขายรวมเล่มแซงชนะวีนพีซได้ เป็นเรื่องแรกที่ทำได้สำเร็จในรอบ 11 ปี จากการประกาศของ Oricon แล้วยังกวาดรางวัลต่างๆมากมายด้วย

 

สำหรับอนิเมะ ได้รับความสนใจและเป็นกระแสในต่างประเทศมาตลอดตั้งแต่เริ่มฉาย แต่จุดสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้พุ่งทะยานจนเป็นกระแสรุนแรง เกิดขึ้นหลังจากอนิเมะได้ฉายตอนที่ 19 บนเว็บสตรีมมิ่งไปแล้ว ปรากฏว่าได้รับเสียงตอบรับและเรตติ้งถล่มทลายอย่างมาก เรียกได้ว่ามีรายงานเกี่ยวกับประเด็นนี้ หลังจากผู้ชมในญี่ปุ่นได้โหวตลงเว็บไซต์ Nico Nico ซึ่งเป็นเว็บไซต์สตรีมมิ่งยอดนิยมของญี่ปุ่น โดยให้เรตติ้งสูงถึง 97.5%

 

ไม่เพียงแค่กระแสตอบรับในด้านเรตติ้งการเข้าชมเท่านั้น แต่ในส่วนของยอดขายแผ่น DVD ยังสูงมากกว่า หนึ่งหมื่นชุด ซึ่งถือว่าเป็นปรากฏการณ์เลยทีเดียว ที่อนิเมะซึ่งดัดแปลงจากโชวเน็นมังงะ จะทำยอดขายแผ่นได้มากขนาดนั้น ซึ่งไม่ได้มีมานานแล้ว

รีวิว Kimetsu No Yaiba (Demon Slayer)

ดูอนิเมะ 

ดาบพิฆาตอสูร Kimetsu no Yaiba ทำไมอนิเมะถึงมาแรงนัก???

ต้นฉบับมังงะก็เรียกว่าแรงอยู่แล้ว ซึ่งในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มังงะเรื่องนี้มักได้รับการโหวตจากผู้อ่านในนิตยสารโชเน็นจัมป์ ให้ติดอันดับประจำสัปดาห์อยู่ในอันดับ 1-3 อยู่เสมอ มีหลายครั้งที่ครองแชมป์เหนือกว่ามังงะเรื่องดังอย่างวันพีซด้วยซ้ำ ซึ่งก็ถือว่าเป็นความสุดยอดสำหรับมังงะที่เพิ่งเขียนมาได้แค่ไม่กี่ปี และผู้เขียนคือ อ.โคโยฮารุ โกโตเกะ ก็เป็นผู้หญิงด้วย แต่กลับสร้างสรรค์มังงะโชเน็นแอ็คชั่นที่ยอดเยี่ยมเรื่องนี้ขึ้นมาได้

 

ถ้าว่ากันตามตรง เสน่ห์หลักของเรื่องนี้ ไม่ได้อยู่ที่เนื้อเรื่อง เพราะต้องยอมรับว่าพล็อตเรื่องค่อนข้างพื้น ๆ เป็นแนวนักดาบล่าอสูร แต่ที่โดดเด่นจริง ๆ ก็คือ “คาแรคเตอร์ตัวละคร” ที่มีพัฒนาการน่าติดตาม ตัวละครมีวุฒิภาวะ (เรียกง่าย ๆ ว่าไม่เกรียนหรือขี้เก๊กจนน่าหมั่นไส้นั่นแหละ)

 

 

สำหรับตัวเอก คือ คามาโดะ ทันจิโร่ และ คามาโดะ เนสึโกะ ซึ่งเป็นตัวเอกหลักชายหญิงของเรื่อง (ถือว่าเป็นพระเอกและนางเอก ในฐานะตัวละครนำ เพียงแต่เป็นพี่น้องกัน) เป็นสองตัวละครที่ถูกเขียนขึ้นให้เราเห็นพัฒนาการตั้งแต่ยังเป็นแค่เด็กหนุ่มสาวธรรมดา แต่กลับต้องเจอเหตุการณ์ร้ายแรงที่ส่งผลต่อชีวิตตั้งแต่ตอนแรกทันที เรียกว่าผู้เขียนโยนระเบิดดราม่าที่โหดร้ายเข้ามาให้ตัวละครหลัก และทำให้คนอ่านต้องตามลุ้น ตามเอาใจช่วยพี่น้องคู่นี้กันตั้งแต่ตอนแรก จนล่าสุดมังงะถึงตอนที่ 170 ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ แต่ผู้เขียนก็ยังสามารถเพิ่มตัวละครรอง ๆ ที่เข้ามาสร้างสีสันและให้คนอ่านตามลุ้นเพิ่มเติม

 

เนื่องจากจุดที่ผู้เขียนใส่เข้ามาตั้งแต่ช่วงแรก ๆ อย่างไม่ปราณีเลยก็คือสัญญาณที่บอกว่า “ตัวละครเรื่องนี้ทุกคน ตายจริง เจ็บจริง พิการจริง” ต่อให้เป็นตัวละครสำคัญและคนอ่านชอบขนาดไหน ถ้าถึงเวลาตาย ก็ต้องตาย ไม่มียืด นี่ก็เป็นอีกจุดที่ทำให้คนอ่านต้องตามลุ้นกลุ่มตัวละครที่ชอบว่า จะอยู่หรือจะไป

 

จุดเด่นอีกเรื่องก็คือ การที่ผู้เขียนสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่น่าสนใจให้กับกลุ่มตัวละครในเรื่อง โดยเฉพาะ “สายสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว” ซึ่งเรื่องนี้เล่นประเด็นนี้มาตลอดเรื่องจนถึงตอนล่าสุด แล้วเรื่องราวตรงนี้ยังใส่เข้ามาในส่วนของตัวร้ายอย่างพวก “อสูร” ทำให้เราได้เห็นมุมมองที่ทั้งรันทด หดหู่ แต่ในขณะเดียวกันผู้เขียนก็เลือกที่จะนำเสนอให้เราเห็นอีกมุมมองผ่านตัวเอกอย่างทันจิโร่ว่า อสูรเมื่อตายแล้ว ก็ไม่ใช่อสูรอีก แล้วตัวเอกก็ไม่ได้เลือกที่จะให้อภัยพวกอสูร ไม่ลังเลที่จะสังหารอสูร แต่เขาก็ไม่คิดจะเอาแต่เคียดแค้นพวกอสูรเหมือนกัน แล้วเอาเข้าจริง อสูรในเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะตัวเองด้วย (ขอไม่สปอยล์)

 

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ดูเหมือนว่ามังงะเรื่องนี้ “ดาร์ก” แต่ที่จริงแล้วก็ไม่ได้มีแต่ช่วงเวลาดราม่าหรือซีเรียสในเรื่องตลอดเวลาครับ เพราะเราจะพบกับซีนตลก ๆ เบา ๆ อารมณ์ขันที่ร้ายกาจของคนเขียนก็แทรกมาตลอดเรื่อง ทำให้เรื่องราวไม่หนักเกินไป หลายฉากที่จะสนุกมากเวลาตัวละครหลายคนรวมอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้มังงะเรื่องนี้ไม่ได้วอนนาบีดาร์กหรือพยายามจะดราม่าเกินเหตุเหมือนหลายเรื่อง (แม้จะมีอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าสมูทดีแล้ว)

 

อีกจุดที่ทำได้ดีสำหรับเรื่องนี้คือ การเดินเรื่องที่กระชับ ฉับไว บทแอ็คชั่นที่ต้องให้คนอ่านลุ้นจนเหนื่อย การโยนแต่ศัตรูระดับบอสมาให้ตัวเอกต้องสู้ เรียกว่าแทบไม่มีศัตรูแนวกี้กี้ หรือตัวกระจอกให้ฝ่าด่านเลย ดังนั้นฉากสู้ที่ใช้เวลานานของเรื่องนี้จึงเป็นฉากสู้กับศัตรูระดับบอส ที่ตัวละครต้องใส่กันเต็มพิกัด แทบจะไม่มีประเภทฉากสู้กับตัวละครรอง ๆ แล้วกินเวลานานหลายตอน ทำให้ช่วงน่าเบื่อของเรื่องนี้มีค่อนข้างน้อย และข้ามไปส่วนสนุกได้ไว

 

รีวิว Kimetsu No Yaiba (Demon Slayer)

ทีมสร้างอนิเมะตีโจทย์แตก รีวิว Kimetsu No Yaiba (Demon Slayer)

ในฐานะคนดู คงต้องคารวะงาม ๆ ให้กับทีมสร้างของ Ufotable ที่ทำเรื่องนี้ออกมาชนิดอลังการ มีการแซวกันในช่องยูทูปบ่อยครั้งว่า Ufo คงได้งบประมาณไม่อั้น เป็น Unlimited Budget Worked

อนิเมะออนไลน  

แต่ที่เด็ดจริง ๆ คือ ทางค่ายจานบิน “ตีโจทย์แตก” ในอนิเมะที่ทำออกมามีการเสริมและตัดทอนการเดินเรื่องบางจุด แต่ออกมาแล้วส่งผลบวกมากกว่าลบ แถมยังถูกจริตคนดูต่างชาติด้วย ไม่ว่าจะเป็น ฉากแอ็คชั่น ที่ทำให้รู้เรื่องกว่ามังงะ เอฟเฟคสุดตระการตา เพลงประกอบสุดขลัง และโมชั่นตัวละครที่รู้สึกเลยว่าจัดเต็ม

 

แม้แต่คนเขียนอย่าง โคโยฮารุ โกโตเกะ ยังออกมาโพสต์โซเชียลว่า ดูตอนที่ 19 ซ้ำไปซ้ำมากว่า 20 รอบ และดีใจจนร้องไห้ เธอยังบอกว่ารู้สึกดีใจจริง ๆ ที่ได้วาดการ์ตูนเรื่องนี้ออกมาด้วยความพยายามอย่างเต็มที่

 

ในส่วนของเรตติ้งอนิเมะตอนที่ 19 ซึ่งมาแรงสุด ๆ นั้น ขอแนะนำว่า ลองหาดูกันเองจะเข้าใจได้ทันทีครับ แต่ที่จริงแล้ว ก็ไม่ได้มีแค่ตอนนี้เท่านั้น เพราะฉากแอ็คชั่นของอนิเมะเรื่องนี้ที่ทำออกมาแล้วโดดเด่นมาก ยังอยู่ในอีกหลายตอน ที่แนะนำก็เช่น ตอนที่ 1 2 3 4 11 12 14 17 18 19 20…เอาเป็นว่าดูมันทุกตอนนั่นแหละครับ

 

กระแสมาแรงฉุดไม่อยู่บนสตรีมมิ่งและยูทูป

ในส่วนของเรตติ้ง จากการโหวตของเว็บไซต์ Nico Nico ซึ่งรูปแบบคือเป็นการนำอนิเมะมาฉายแบบถูกต้องตามลิขสิทธ์ หลังจากนั้นก็จะให้มีการเปิดโหวตโดยผู้ชมว่าในแต่ละตอน ซึ่งในส่วนของคะแนนะ จะมีการจัดระดับเป็น 1-5 ซึ่งสำหรับอนิเมะตอนไหนที่ได้รับการโหวตเกินกว่า 90% ในซีซันนี้ มีเพียงแค่สองเรื่องเท่านั้น คือ Kimetsu no Yaiba และ How Heavy Are the Dumbbells You Lift? ซึ่งเรื่องหลังก็ยังได้น้อยกว่า

 

สำหรับตอนที่ทำสถิติเรตติ้งถล่มทลายจากการโหวต คือ ตอนที่ 19 ของ Kimetsu no Yaiba โดยก่อนหน้านี้ก็เคยมีกระแสในตอนที่ 11 และ ตอนที่ 14 มาก่อนนี้แล้ว

 

ไม่เพียงแต่กระแสการโหวต แต่บนช่องทางยูทูปเวลานี้ ยังมีการทำคลิปสั้นเฉพาะฉากของบางตอนในเรื่องนี้ โดยเฉพาะฉากแอ็คชั่นและซีนสำคัญของเหล่าตัวละครหลัก เช่น ทันจิโร่ เซ็นนิตสึ กิยู โดยบางคลิปมีการเข้าชมเป็นหลักหลายแสนจนถึงหลักล้าน

 

แล้วไม่ใช่แค่ซีนสำคัญในเรื่อง แต่คลิปที่มีการเข้าดูกันมากก็คือ เพลงประกอบของเรื่อง ที่ถูกนำลงในยูทูปให้เห็นจำนวนมาก ทั้งเพลงเปิดปิด OP ED และเพลงประกอบฉาก OST ของเรื่องด้วย

 

ในส่วนของต้นฉบับมังงะ ก็มีลิขสิทธิ์แปลไทยแล้ว ในชื่อว่า “ดาบพิฆาตอสูร” ซึ่งปัจจุบันได้ออกกับ สนพ.สยามอินเตอร์ 17 เล่ม และยังไม่จบ ขอแนะนำว่า ลุยเลยครับ

 

ในขณะที่อนิเมะแบบถูกลิขสิทธิ์ในประเทศไทย ตอนนี้ก็กำลังจะเข้าฉายใน Netfix แน่นอนแล้ว เตรียมรับชมแบบถูกลิขสิทธิ์มีซับไทยได้เลยครับ

 

 

 

สรุป

จากมังงะสู่โลกภาพยนตร์ "ดาบพิฆาตอสูร: ศึกรถไฟสู่นิรันดร์"  ถล่มรายได้ในญี่ปุ่นกว่าหมื่นล้านเยน

จากใจของผู้เขียนขอยกให้ Kimetsu no Yaiba (Demon Slayer) “ดาบพิฆาตอสูร” เป็นอนิเมะดีที่สุดของครึ่งปี 2019 และขอคารวะทีมสร้างของ Ufotable ที่จัดเต็มมาก สำหรับอนิเมะที่ดัดแปลงจากโชเน็นมังงะเรื่องนี้

 

อนิเมะ

ข้อดี

ตัวละคร พัฒนาการตัวละคร น่าลุ้น เอาใจช่วย ทุกตัวละคร

งานภาพ โปรดักชั่น ฉากแอ็คชั่น Ufotable จัดเต็มราวกับงบไม่มีจำกัด Unlimited Budget Work

เพลงประกอบ เปิดปิด ไพเราะ อลังการ จัดเต็ม เพลงเปิด Lisa ส่วนเพลง OST การันตีฝีมือ Yuki Kajiura

ดราม่าความสัมพันธ์ครอบครัว บทซึ้งๆเรียกน้ำตา แต่บทฮาก็ฮาเลย

การเดินเรื่องเร็ว กระชับ ไม่ยืดเยื้อ ฉากเอื่อยๆมีน้อยมาก

 

ข้อเสีย

เป็นพล็อตเรื่องแนวยุค 90 พล็อตหลักพื้นๆ

ไม่ได้มีพล็อตเรื่องซับซ้อนหรือหักมุมมาก

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *