รีวิว Record Of Ragnarok Netflix

Record of Ragnarok Netflix รีวิว มหาศึกคนชนเทพ Shuumatsu no Valkyurie สงครามแร็กนาร็อก ที่มนุษย์และเทพเจ้าเปิดศึกกันโดยมีความอยู่รอดของมนุษยชาติเป็นเดิมพัน ทั้งสองฝ่ายต้องส่งตัวแทนฝ่ายละ 13 คนเข้าร่วม ฝ่ายไหนชนะ 7 คนก่อน ถือว่าชนะ โดยพวกมนุษย์ที่เป็นตัวแทนนั้นถูกคัดเลือกจากเหล่าเทพธิดาวัลคิวรี่ ว่าเป็นกลุ่มมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดและมีความสามารถที่จะเอาชนะพวกเทพได้

 

ต้นฉบับมังงะของเรื่องนี้มีลิขสิทธิ์แปลไทยแล้วกับสำนักพิมพ์ Phoenix ออกต่อเนื่องมาแล้ว 9 เล่ม สำหรับฉบับอนิเมะเป็น Original Netflix ซีซันแรก 12 ตอน สร้างโดยสตูดิโอ Graphinica ซึ่งเป็นค่ายใหม่ที่มีผลงานยังไม่มากนัก

 

 

รีวิว Record Of Ragnarok Netflix เรื่องย่อ

เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อเหล่าเทพเจ้าจากแทบทุกศาสนาและทุกตำนานได้มาประชุมกันด้วยหัวข้อที่ว่าจะทำลายล้างมนุษยชาติ เพราะมนุษย์นั้นตกต่ำและทำลายโลกกับสิ่งมีชีวิตอื่นไปมาก จึงไม่คู่ควรที่จะอยู่ต่อ โดยมีแกนนำคือ เทพซุส เทพโอดิน เทพศิวะ และเทพเจ้าจากตำนานอื่นๆ ที่ร่วมกันโหวตให้ทำลายมนุษย์ทิ้ง

รีวิว Record Of Ragnarok Netflix

แต่แล้วเหล่าเทพธิดานักรบวัลคิวรี่ ซึ่งเป็นพวกเทพธิดาที่จะคอยนำวิญญาณของเหล่ามนุษย์ผู้เก่งกล้าเข้าสู่วัลฮาลาเพื่อรอที่จะร่วมในสงครามครั้งใหญ่สุดคือ แร็กนาร็อก ตามตำนานของเทพนอร์ส ซึ่งพวกวัลคิวรี่นำโดยบรุนฮิลด์ ได้ออกมาต่อต้านมติของที่ประชุมเหล่าเทพที่จะทำลายล้างมนุษยชาติ โดยการอ้างกฎข้อบังคับในการทำศึกแบบส่งตัวแทนประลอง แร็กนาร็อก ซึ่งจะเป็นการตัดสินว่าเหล่ามนุษยชาติจะถูกกวาดล้างหรือไม่

 

สำหรับการทำศึกประลองนี้จะให้มนุษย์และเทพเจ้าส่งตัวแทนออกมาฝั่งละ 13 คน โดยพวกวัลคิวรี่จะคัดเลือกตัวแทนมนุษย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักรบหรือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในด้านต่างๆ ออกมาเป็นตัวแทนในการต่อสู้เผชิญหน้ากับเหล่าเทพเจ้าที่มีพลังเหนือกว่ามนุษย์กันแบบตัวต่อตัว หากฝั่งไหนชนะ 7 ก่อนถือว่าชนะ แล้วมนุษย์ก็จะได้อยู่ต่อไปอีกพันปี

 

 

แต่มนุษย์ไม่สามารถต่อสู้กับพวกเทพเจ้าที่มีพลังเหนือกว่ามากอยู่แล้ว บรุนฮิลด์ซึ่งวางแผนที่จะปราบพวกเทพเจ้าแต่แรก จึงแอบวางแผนเรียกเหล่าพี่น้องวาลคิรี่รวมตัวเองด้วยทั้ง 13 คนมาช่วยเหลือพวกตัวแทนของมนุษย์ ซึ่งในแต่ละศึกพวกเขาก็จะได้รับพลังของเหล่าวัลคิวรี่ที่จะใช้พลังเฉพาะตัวของตนแปลงกายเป็นเทพศาสตราให้เข้ากับเหล่านักรบตัวแทนมนุษย์ เรียกว่า โวลุนด์ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสที่จะต่อสู้กับเหล่าเทพเจ้า

 

ศึกนี้จึงเป็นการต่อสู้แบบประลองตัวต่อตัวที่มีอนาคตของมนุษยชาติเป็นเดิมพัน กับการต่อสู้ด้วยสเกลพลังสุดอลังการ ดุเดือดเลือดพล่าน เตะตรรกะเหตุผลทิ้งออกไปให้หมด มาลุ้นกันว่า แต่ละคู่จะฟาดฟันด้วย พลัง วิชา กันรุนแรงและบู๊กันได้สะใจขนาดไหน

 

สำหรับเนื้อหาในซีซันแรกจะเป็นการต่อสู้ของ 3 คู่แรกคือ

 

ลิโป้ vs ธอร์

 

อดัม vs ซุส

 

โคจิโร่ vs โปเซดอน

 

 

ส่วนรายชื่อของตัวแทนทั้งสองฝ่ายคือ

รีวิว Record Of Ragnarok Netflix

ตัวแทนฝ่ายเทพ

 

ธอร์ (นอร์ส) เทพเจ้าสายฟ้า

 

ซุส (กรีก) มหาเทพสูงสุดของกรีก

 

โปเซดอน (กรีก) มหาเทพแห่งมหาสมุทร

 

เฮอร์คิวลิส (กรีก) วีรบุรุษลูกครึ่งเทพมนุษย์ที่ทรงพลังที่สุด

 

พระศิวะ (อินเดีย) มหาเทพผู้ทำลายล้างและผู้สร้างของพราหมณ์-ฮินดู

 

ศากยมุนี (อินเดีย) พระพุทธเจ้า ศาสดาแห่งศาสนาพุทธ

 

บิชามอนเท็น (ญี่ปุ่น) เทพแห่งโชคลาภ เทพสงคราม

 

โลกิ (นอร์ส) เทพแห่งการกลั่นแกล้งดูอนิเมะออนไลน์

 

เบลเซบับ (ฮิบรู) จ้าวนรก ปีศาจแมลงวัน

 

อนูบิส (อียิปต์) ผู้ดูแลนรก

 

ซูซาโนโอะ (ญี่ปุ่น) เทพนักรบผู้ปราบมังกร

 

อพอลโล (กรีก) เทพแห่งแสงสว่าง

 

โอดิน (นอร์ส) มหาเทพสูงสุดของนอร์ส ผู้รอบรู้

 

รีวิว Record of Ragnarok บน Netflix พร้อมชวนมาทำความรู้จักตัวละครในเรื่อง

ตัวแทนฝ่ายมนุษย์

ลิโป้ เฟยเสียง (จีน) นักรบที่ทรงพลังที่สุดในยุคสามก๊ก

 

อดัม (ฮิบรู) มนุษย์คนแรกในไบเบิล

 

ซาซากิ โคจิโร่ (ญี่ปุ่น) นักดาบผู้ใช้วิชากันริว

 

แจ็คเดอะริปเปอร์ (อังกฤษ) ฆาตกรโรคจิตแห่งลอนดอน

 

ไรเด็น ทาเมมอน (ญี่ปุ่น) นักซูโม่ในตำนาน

 

โอคิตะ โซจิ (ญี่ปุ่น) นักดาบอัจฉริยะแห่งชินเซ็นกุมิ

 

เกรเกอรี รัสปูติน (รัสเซีย) พ่อมดผู้ปั่นป่วนราชวงศ์โรมานอฟ

 

นิโคลัส เทสล่า (สหรัฐ) นักประดิษฐ์อัจฉริยะผู้ค้นพบไฟฟ้ากระแสสลับ

 

นอสตราดามุส (ฝรั่งเศส) นักทำนายชื่อก้องโลก

 

ซีโม เฮยา (ฟินแลนด์) มือปืนผู้สร้างสถิติฆ่าสูงสุด

 

ซากาตะ กินโทคิ (ญี่ปุ่น) คินทาโร่ในตำนานญี่ปุ่น

 

ลีโอนีดัส (สปาร์ตา) กษัตริย์นักรบแห่งสปาร์ตา

 

ฉินซีฮ่องเต้ (จีน) จักรพรรดิองค์แรกของจีน ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ฉิน

 

 

นอกจากนี้ยังตัวละครสำคัญอื่นๆ ทั้งฝ่ายเทพและมนุษย์ออกมาเป็นกองเชียร์แล้วเป็นสีสันของเรื่องด้วย เช่น เทพีอโฟรไดท์ ที่ทำออกมาแนวเซอร์วิสคนดูหนุ่มๆ

 

ก่อนดูเรื่องนี้มีคำแนะนำว่า ให้เตะเหตุผลและตรรกะต่างๆ ทิ้งไป เพราะคนเขียนต้นฉบับเรื่องนี้เลือกตีความเหล่าตัวละครตัวแทนของมนุษย์ในประวัติศาสตร์และพวกเทพเจ้าในตำนานต่างๆ ออกไปทางบ้าพลัง บุคลิกสุดโต่ง แต่ก็ยังไม่ทิ้งตำนานหรือประวัติจากต้นกำเนิดเดิมของพวกเขาด้วย โดยผู้สร้างเลือกเอามาตีความใหม่ให้น่าสนใจและสามารถสร้างดราม่ากับเหล่าตัวละครได้น่าติดตามและทรงพลังไปในตัวด้วยดูอนิเมะ

 

สำหรับการรีวิวในส่วนของงานสร้าง โปรดักชั่น CG กราฟฟิก โมชั่น ทำได้ดีในระดับพอใช้ ไม่ถึงกับระดับดีหากเทียบกับความคาดหวัง ส่วนเพลงประกอบในฉากแอ็กชั่นมาแนวอลังการ เร้าใจ แต่บางฉากอาจจะเลือกเพลงประกอบไม่ค่อยดีหรือเข้ากับฉากนั้นเท่าไหร่นัก แล้วก็มีจุดที่แอบทำไว้ได้ดีคือ เพลงประกอบที่จะพยายามทำมาให้เข้ากับเชื้อชาติของตัวละครเหล่านั้น เช่น เพลงประกอบของลิโป้ก็เป็นเพลงในธีมของจีน มีเสียงเครื่องดนตรีจีนแฝงอยู่ด้วย แต่น่าเสียดายว่าเพลงประกอบในเรื่องทำออกมาไม่ติดหูเอาซะเลย ถ้าเทียบกับผลงานฟอร์มใหญ่หลายเรื่อง

 

 

ซึ่งก่อนรับชมอนิเมะเรื่องนี้ ผู้เขียนรีวิวมีความคาดหวังไว้สูงพอสมควร เพราะต้นฉบับมังงะเขียนออกมาได้มันส์สะใจในอารมณ์ คนเขียนมังงะสามารถบิ้วอารมณ์คนดูได้ดีเอามากๆ ทั้งฉากที่ฮึกเหิม หรือฉากดราม่าตราตรึง

 

แต่สำหรับอนิเมะเรื่องนี้กลับดัดแปลงฉากแอ็กชั่นและการตัดต่อออกมาได้ไม่ดีเอาเลย ชนิดที่เรียกได้ว่า “สอบตก” เลยด้วยซ้ำ ราวกับว่ากำลังดูอนิเมะต่อสู้เมื่อยุค 90 ที่ต้องใช้วิธีการยืดฉากแอ็กชั่นออกไป ทำให้ความต่อเนื่องของการรับชมเสียหายไปอย่างไม่น่าจะเป็น แล้วข้อด้อยอย่างมากอีกจุดก็คือ อนิเมะใช้วิธีบอกเล่าฉากต่อสู้ด้วยการให้มีคนบรรยายหรือใช้การพากย์สด มีฉากบรรยายความคิดของตัวละครค่อนข้องเยอะ ซึ่งที่จริงแล้วกรณีนี้มีเรื่องโจโจ้ที่เคยทำไว้แต่อนิเมะดัดแปลงออกมาได้ดี แถมมันส์ในอารมณ์ ในขณะที่เรื่องนี้กลับทำเป็นอนิเมะออกมาแล้วไม่ดีอย่างมาก ระหว่างต่อสู้ก็ชอบตัดต่อไปที่ใบหน้าของพวกเทพเจ้าที่เป็นคนดูบ่อยครั้งเกินไป (ยังกับดูซีรีส์อินเดียที่ชอบตัดภาพไปหาตัวประกอบเยอะๆ ทุกนาที) เรื่องนี้คงต้องโทษประสบการณ์ของผู้กำกับและทีมสร้างของเรื่องนี้ที่เห็นเลยว่ายังมือไม่ถึงสำหรับงานฟอร์มใหญ่ที่ถูกคาดหวังไว้สูงจากคนดู

 

ที่จริงแล้วในต้นฉบับมังงะเอง ระหว่างฉากต่อสู้จะมีการสลับย้อนอดีตไปยังแฟลชแบ็กของตัวละครอยู่เรื่อยๆ แต่มังงะกลับเล่าเรื่องได้ดีมากจนทำให้ไม่รู้สึกว่ามันเป็นการขัดจังหวะ แต่พอทำออกมาเป็นอนิเมะกลับกลายเป็นว่าฉากแฟลชแบ็กที่ย้อนอดีตเป็นช่วงๆ กลับไปทำลายจังหวะการเล่าเรื่องและฉากต่อสู้ ทำให้ฉากต่อสู้ที่ควรจะดูต่อเนื่องเลยออกมาขาดความต่อเนื่องของอารมณ์คนดู บิ้วอารมณ์คนดูไม่ขึ้น แม้ว่าต้นฉบับมังงะมันก็เขียนมาแบบนั้นเหมือนกัน เพียงแต่การบอกเล่าผ่านช่องต่างๆ และเส้นสปีดในมังงะดูจะกระตุ้นและบิ้วอารมณ์ในฉากไคลแมกซ์ได้ดีกว่า นี่เลยเป็นจุดด้อยอย่างรุนแรงในการปรับเรื่องราวให้เป็นอนิเมะ แล้วยังมีบางฉากที่พยายามลดความรุนแรงลงมาจากฉบับมังงะ ตรงนี้พอเข้าใจได้ในแง่ของเรตความรุนแรงที่ในมังงะมีความดิบเลือดสาดมากกว่า แล้วยังมีการตัดบางฉากในมังงะออกไปด้วย

 

นอกจากนี้ในแง่ตัวเรื่อง ยังมีข้อเสียอีกหลายจุด เช่นการ “อวยญี่ปุ่จนออกนอกหน้า” มีอย่างที่ไหน พวกคนที่แข็งแกร่งที่สุดของมวลมนุษย์ที่ถูกคัดเลือกมาต่อสู้ในศึกนี้เป็นคนญี่ปุ่นไปถึง 4 คน แล้วอีกอย่างคือบรรดาตัวละครอื่นๆจากชาติต่างๆก็เหมือนเลือกมาเพราะความโด่งดังและคนญี่ปุ่นรู้จักกันอยู่แล้วมากกว่าด้วย เพราะถ้าให้เราจัดนักสู้ที่จะเข้ามาสู้ในศึกนี้ เชื่อว่าหลายคนคงตัดรายชื่อทั้ง 13 ของฝั่งมนุษย์ออกไปเยอะแน่ๆ แถมการตีความตัวละครตามตำนานและประวัติศาสตร์ก็ค่อนข้างบิดเบือนไปจากตำนานต้นฉบับเอามากๆ แต่ตรงนี้ถือว่าเป็นสีสันก็ได้ เพียงแต่คนจากชาติเหล่านั้นอาจจะไม่ค่อยแฮปปี้นัก

อนิเมะออนไลน  

นอกจากนี้ยังมีข้อด้อยสำหรับทีมงาน Netflix ฝั่งประเทศไทยด้วยครับ คือตรงป้ายชื่อแนะนำบรรดาตัวละครต่างๆ จะไม่มีการเขียนแปลไทยกำกับไว้ โดยเฉพาะพวกตัวละครรองๆที่เป็นกองเชียร์ ซึ่งน่าเสียดายมากๆ เพราะตัวละครเหล่านี้ก็อิงมาจากประวัติศาสตร์และตำนานต่างๆด้วย ดังนั้นในส่วนนี้จึงหวังว่าทางทีมงานของ Netflix จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมครับ เพราะมันทำให้คนที่เพิ่งเริ่มดูอนิเมะจะไม่ทราบเลยว่า ตัวละครบางคนคือใคร ตัวอย่างเช่น สามพี่น้องเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย, ตันก๋ง กุนซือในทัพของลิโป้, เฮอร์มีส เทพใส่สูทที่ยืนข้างซุส และอื่นๆ อีกหลายคน นอกจากนี้ยังมีการแปลผิดให้เห็นด้วย โดยเฉพาะ โวลุนด์

 

ซึ่งในซีซันสองหลังจากนั้นจะถึงบทของตัวละครสุดโปรด สุดเฟี้ยว สุดเท่ ของแฟนๆอย่างศากยมุนี หวังว่าทีมสร้างอนิเมะจะทำออกมาให้ดูดีนะเออ

 

สรุปแล้ว อนิเมะเรื่องนี้เป็นงานฟอร์มยักษ์ที่ค่อนข้างทำได้แย่จากที่คาดหวังไว้ ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าก่อนฉาย แฟนคลับเรื่องน่าจะคาดหวังไว้สูงมาก เพราะต้นฉบับมังงะทำไว้ดีเยี่ยม คือถ้าหากว่านี่เป็นอนิเมะที่ไม่ได้ถูกคาดหวังไว้สูงก็คงพอได้ ซึ่งนี่ก็น่าจะเป็นบทเรียนสำหรับทีมสร้างและทาง Netflix ที่ใช้บริการของสตูดิโอเกรดรองกับผลงานที่มาจากมังงะชื่อดัง ได้แต่หวังว่าซีซันสองจะถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่านี้

 

 

สรุป

 

มหาศึกคนชนเทพ อนิเมะที่ถูกคาดหวังอันดับต้นๆของปี สร้างจากมังงะชื่อดัง แต่ทีมสร้างยังไม่เก่งพอจริงๆ ทำให้ฉากแอ็กชั่นและการบิ้วอารมณ์ในฉากสำคัญทำได้ไม่ถึง หวังว่าซีซันสองจะดีกว่านี้ แนะนำมังงะทำไว้สนุกกว่ามาก

 

 

จุดเด่น

อนิเมะ

โปรดักชั่นพอใช้ ภาพสวย เพลงประกอบเร้าใจ งานภาพสีสันสด

ดัดแปลงเป็นอนิเมะแบบเคารพเนื้อหาต้นฉบับพอสมควร

ตัวแทนฝั่งมนุษย์ที่ถูกเลือกมาทำให้เดาได้ยากดีว่าจะสู้กันยังไง

มีพากย์ไทย

 

 

จุดด้อย

 

การตัดต่อเล่าเรื่องไม่ค่อยดี ทำให้เสียจังหวะในฉากต่อสู้ไปมาก

ตัวเรื่องอวยชาตินิยมญี่ปุ่นมากเกินไป

ใช้การค้างท่าต่อสู้ของตัวละครเกินเหตุ

ฉากสำคัญของอดัมและซุส กลับเลือกใช้วิธีทำภาพค้าง เข้าใจว่าจะทำให้เหมือนมังงะ แต่ทำให้บิ้วอารมณ์ได้แย่ไปเลยหากเทียบกับมังงะ

มีงานเผาหน้าตาและการเคลื่อนไหวของตัวละคร

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *