รีวิว ศึกพิภพคู่ขนาน

ศึกพิภพคู่ขนาน หรือ Ninokuni  อนิเมะ แฟนตาซีต่างโลก ที่ดัดแปลงจากเกมชื่อดัง สู่ฉบับภาพยนตร์ โดดเด่นด้วยสายเส้นจากทีมงาน Ghibli + มือเขียนบทจากซีรีส์ Inazuma

 

นิโนะคุนิ เดิมมาจากเกมแนว JRPG แฟนตาซีชื่อดัง ที่เกี่ยวกับการข้ามไปต่างโลก เป็นผลงานพัฒนาโดยบริษัท Bandai และทีม Level-5 ที่เคยมีผลงานชื่อดังจากอนิเมะอย่าง Inazuma Eleven การ์ตูนฟุตบอลแฟนตาซีซึ่งมีการต่อยอดออกไปเยอะมาก

 

 

สำหรับการดัดแปลงมาเป็นฉบับภาพยนตร์ของ นิโนะคุนิ ในครั้งนี้ก็ได้รับความสนใจมาก โดยเป็นผลงานการพัฒนาและอำนวยการสร้างของบริษัท OLM, Inc และจัดจำหน่ายโดยบริษัท Warner Bros โดยเริ่มฉายครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อเดือนสิงหาคม 2019 ที่ผ่านมา จากนั้นจึงมีการนำมาฉายในสตรีมมิ่งบน Netflix พรัอมกับทีมแปลภาษาอังกฤษ ซึ่งเพิ่งฉายไปเรียบร้อยแล้วในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2020 นี้เอง โดยเป็นผลงานกำกับของ โยชิยูกิ โมโมเสะ ซึ่งเคยมีผลงานเก่าเป็นสตาฟด้าน Visual Graphic และร่วมเขียนบทในภาพยนตร์อนิเมะระดับขึ้นหิ้งของสตูดิโอ Ghibli หลายเรื่อง เช่น Only Yesterday, Porco rosso, Princess mononoke และมีผลงานชิ้นโบว์แดงในฐานะ Key Animator ให้กับสุดยอดอนิเมะแห่งศตวรรษอย่าง Spirited Away มาแล้ว

 

ส่วนมือเขียนบทโดย อาคิฮิโระ ฮิโนะ ที่เป็นผู้กำกับผู้ร่วมปลุกปั้นซีรีส์ Inazuma และ Yokai Watch มาตลอด รวมถึงได้นักทำเพลงประกอบในตำนานให้กับสตูดิโอจิบลิมายาวนานอย่าง โจ ฮิซาอิชิ มาร่วมงานด้วย เรียกว่าแค่ดูทีมงาน ก็ถือว่าเป็นการร่วมกันระหว่างทีมสร้างระดับตำนานของสตูดิโอจิบลิ กับมือเขียนบทรุ่นใหม่ที่ปั้นซีรีส์เรื่องดังที่จับตลาดเด็กยุคใหม่ไว้ได้อย่างน่าสนใจ

 

แล้วทีมเจ๋งขนาดนี้ รวมตัวกันออกมา Ninokuni น่าดูแค่ไหน

 

รีวิว ศึกพิภพคู่ขนาน

 

รีวิว ศึกพิภพคู่ขนาน เรื่องย่อ

ยู เด็กหนุ่มผู้จิตใจดีและเฉลี่ยวฉลาดที่สองขาพิการตั้งแต่เล็ก ใช้ชีวิตวัยรุ่นร่วมกับเพื่อนสนิทสมัยเด็กทั้งสองคนคือ ฮารุ หนุ่มนักกีฬาผู้ร่าเริงและมีเสน่ห์แรง และ โคโตนะ สาวน้อยผู้ร่าเริงและมีชีวิตชีวา

 

แต่แล้ววันหนึ่งทั้งสามคนกลับต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ประหลาด เมื่อโคโตนะถูกคนลึกลับเข้ามาทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ยูและฮารุจึงจะรีบพาเธอไปโรงพยาบาล แต่ด้วยความรีบร้อนก็ทำให้พวกเขาเกือบถูกรถบัสพุ่งเข้าชน แล้วนั่นก็กลายเป็นจุดเริ่มที่ทำให้พวกเขาทั้งสองคนข้ามมิติไปยังต่างโลก ที่นั่นพวกเขาได้พบกับ เจ้าหญิงแอสทริด ซึ่งกำลังถูกคำสาปลึกลับเล่นงานจนอาการสาหัสเช่นกัน นี่จึงได้นำพาพวกเขาไปสู่เรื่องราวมหัศจรรย์ลี้ลับ เมื่อทั้งยูและฮารุได้ค้นพบว่า ชีวิตของผู้คนในโลกที่พวกเขาอยู่ กับในต่างโลกอย่าง นิโนะคุนิ มีความเชื่อมโยงต่อกัน ทำให้พวกเขาทั้งสองคนถูกบีบให้ต้องเลือกยืนกันคนละฝ่ายเพื่อปกป้องชีวิตของคนที่ตัวเองรัก แล้วก็เปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาตลอดไป

 

ดูอนิเมะ

เนื้อเรื่อง

 

เรื่องย่อ ยู และ ฮารุ สองเพื่อนซี้ตั้งแต่เด็ก ต้องช่วยเหลือ โคโตนะ เพื่อนอีกคนในกลุ่มที่กำลังอยู่ในอันตรายจากสิ่งชั่วร้ายต่างโลกนามว่า ทำให้ทั้งคู่ต้องเดินทางข้ามมิติไปยังโลกแห่งเวทย์มนตร์ที่ชื่อว่า นิโนะคุนิ เพื่อแก้ไขโชคชะตาที่เชื่อมโยงสองโลกนี้ไว้ และรักษาชีวิตของโคโตนะให้ปลอดภัยอีกครั้ง

 

แอนิเมชันเรื่องนี้น่าจะสะดุดตาผู้ชมทั่วไปจากลายเส้นที่คลับคล้ายคลับคลาหนังจากค่ายดังอย่าง จิบลิ อยู่ไม่น้อย ทั้งนี้ก็เพราะหนังเรื่องนี้อิงจากแฟรนไชส์เกมในชื่อเดียวกันที่มีแฟนติดตามมากพอสมควร โดยเกมก็ได้ใช้คีย์อาร์ตจากทางจิบลิมาทำนั่นเอง ในฉบับหนังจึงดึงเอาผู้กำกับอย่าง โมโมเสะ โยชิยูกิ อดีตแอนิเมเตอร์จากหนังดังของจิบลิอย่าง สุสานหิ่งห้อย (Grave of the Fireflies) และ Spirited Away และเป็นศิลปินหลักจากตัวเกมมาเป็นตัวหลักในการสร้างหนังด้วย โดยยังได้ ฮิโนะ อะกิฮิโระ คนเขียนบทเกมต้นฉบับทั้ง Ni no Kuni: Wrath of the White Witch และ Ni no Kuni II: Revenant Kingdom มาเขียนบทหนังด้วย

 

สำหรับใครที่กลัวว่าไม่เคยเล่นเกมมาก่อนจะดูรู้เรื่องหรือไม่ ก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะฮิโนะได้เขียนบทขึ้นใหม่โดยไม่อิงเนื้อหาในเกมเลย แต่ก็ยังมีกลิ่นอายจากโลกแฟนตาซีในแบบฉบับนิโนะคุนิมาเต็ม ๆ โดยความน่าสนใจของเนื้อหานั้นก็มาจากคาแรกเตอร์คู่ตัวนำอย่าง ยู ที่เป็นเด็กที่พิการนั่งรถเข็นมาแต่เด็กแม้จะมีความเฉลียวฉลาดแต่ก็รู้สึกว่าเขาเป็นภาระของคนอื่นมากกว่า จนทำให้เขาไม่กล้าเปิดเผยหัวใจแม้จะชอบ โคโตนะ เพื่อนสาวอีกคนในกลุ่มมากก็ตาม อีกประเด็นหนึ่งนั่นเพราะ ฮารุ เพื่อนซี้ของยูตั้งแต่เด็กที่มีความสามารถด้านกีฬาและมีความสดใสร่าเริงก็คบหาเป็นแฟนกับโคโตนะอยู่ด้วย เหมือนว่าหนังจะเน้นไปที่ปมรักสามเส้าและความวุ่นหัวใจแบวัยรุ่นง้องแง้งใช่ไหม แต่ไม่เลยเพราะ ยู เป็นตัวละครที่มีความยับยั้งชั่งใจและมีความรักแบบผู้ใหญ่ที่เข้าใจโลกดี

 

รีวิว ศึกพิภพคู่ขนาน

 

 

ตัวละคร

 

 

รีวิวการ์ตูน

 

ยู เด็กหนุ่มผู้ใจดีและเฉลียวฉลาด นั่งรถเข็นมาตั้งแต่เด็ก ที่จริงแล้วตัวเขามีปริศนาลี้ลับซ่อนอยู่มาตั้งแต่เกิด เขาแอบรักโคโตนะมานาน หลังจากข้ามมายังต่างโลก และได้พบกับเจ้าหญิงแอสทริด ซึ่งเรื่องนี้ได้ทำให้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาอย่างสิ้นเชิง ยูคิดสมมติฐานว่า ชีวิตของผู้คนในโลกของพวกเขากับในต่างโลกมีความเชื่อมต่อกัน ดังนั้นถ้าช่วยชีวิตคนหนึ่งหรือทำลายชีวิตคนหนึ่ง คนที่มีหน้าตาและวิญญาณเหมือนกันในอีกโลกก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย

 

ฮารุ เด็กหนุ่มรูปหล่อ แข็งแรง เป็นที่รักของผู้คน เป็นเพื่อนสมัยเด็กของยูและเป็นแฟนของโคโตนะ หลังจากเกิดเหตุร้ายแรงกับโคโตนะ เขากับยูก็ข้ามายังต่างโลกด้วยกัน เขาไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีของยู แถมยังคิดตรงกันข้ามว่า เพราะช่วยชีวิตเจ้าหญิงแอสทริด ถึงทำให้โคโตนะต้องมารับเคราะห์ใกล้ตายแทน เขาจึงเลือกที่จะกลับไปสังหารเจ้าหญิงเพราะเชื่อว่าจะช่วยชีวิตโคโตนะได้ แล้วก็ทำให้ต้องต่อสู้กับยูในที่สุด

 

โคโตนะ เพื่อนสมัยเด็กของยูและฮารุ และเป็นแฟนของฮารุด้วย เป็นคนที่ยูอบหลงรักอยู่ เธอเป็นเด็กสาวร่าเริง แต่กลับถูกคนลึกลับทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสปางตาย ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางไปต่างโลกของยูและฮารุ

 

เจ้าหญิงแอสทริด เด็กสาวที่มีใบหน้าและจิตใจคล้ายกับโคโตนะ ซึ่งทั้งสองคนก็คือคนที่มีชีวิตเชื่อมต่อกันในระหว่างทั้งสองโลก เจ้าหญิงกลายเป็นเป้าสังหารของกลุ่มมือสังหารลึกลับ ซึ่งการมาของยูทำให้เธอรอดชีวิตมาได้ ยูจึงตัดสินใจที่จะปกป้องชีวิตของเธอเอาไว้

 

 

ความรู้สึกหลังดู

 

ในภาพรวมแล้ว นี่เป็นการรวมดรีมทีมของผู้กำกับที่เคยร่วมเป็นสตาฟและมีผลงานในฐานะ Key Animator ให้กับอนิเมะชื่อดังอย่าง Spirited Away ด้านงานภาพจึงเรียกว่าหายห่วง คนดูจะได้กลิ่นอายของงานภาพสไตล์สตูดิโอจิบลิตลอดทั้งเรื่อง

 

รีวิว ศึกพิภพคู่ขนาน

 

 

แต่ในด้านบท ยังทำได้ไม่ดีนัก เพราะที่จริงแล้วไอเดียการข้ามไปต่างโลกแล้วเจอคนหน้าตาเหมือนกัน ชีวิตเชื่อมโยงกัน ก็ไม่ใช่แนวคิดแปลกใหม่ แต่มีหลายเรื่องนำเสนอมาแล้ว ส่วนประเด็นดราม่าที่เป็นปมขัดแย้งของเรื่อง ก็ดูจงใจยัดดราม่าเกินไป ทำให้บทของฮารุเกือบทั้งเรื่องดูไม่สมเหตุผลเท่าไรนักในการที่จะกลายมาเป็นศัตรูกับยู และความคิดที่จะสังหารเจ้าหญิงแอสทริด ซึ่งก็พอเข้าใจว่าตัวหนังมีเวลาจำกัดที่จะปูตรงนี้มาให้อินได้มากพอ อีกทั้งช่วงเฉลยปมปริศนาหลักในเรื่องก็ไม่ได้ถึงกับหักมุมอะไรมากนัก เชื่อว่าคนดูส่วนใหญ่น่าจะพอคาดเดาผู้ร้ายตัวจริงของเรื่องออก

 

หนังก็ดูจะคล้ายเป็นแนวแฟนตาซีตามสูตรเมื่อมีปีศาจร้ายจากต่างโลกออกมาไล่ล่าโคโตนะอย่างไม่ทราบสาเหตุ ยูกับฮารุที่พบเห็นเหตุการณ์เข้าพอดีจึงเข้าไปช่วยและถูกลากไปสู่โลกต่างมิติด้วยกัน ที่นั่น ยู กลับมีร่างกายที่แข็งแรงเดินได้เป็นปกติ ซ้ำทั้งยูและฮารุก็ต่างมีความสามารถด้านการต่อสู้อย่างน่าอัศจรรย์ ทว่าในโลกต่างมิติที่มีทั้งนักรบ พ่อมด ราชวัง และสิ่งมีชีวิตหน้าตาประหลาด กลับไม่มีวี่แววของโคโตนะอยู่เลย จนกระทั่งพวกเขาได้พบป้ายประกาศว่าเจ้าหญิงของโลกนี้กำลังป่วยจากมีดต้องสาป และภาพเจ้าหญิงนั้นช่างเหมือนกับโคโตนะไม่มีผิดเพี้ยน จากนี้เองที่ทั้งสองต้องร่วมกันหาความจริงว่าเจ้าหญิงคือโคโตนะหรือไม่ แล้วความเข้าใจผิดที่ว่าพวกเขาคือสายลับจากต่างเมืองที่หมายปองชีวิตของเจ้าหญิงนั้นจะถูกแก้ไขอย่างไร

 

 

หนังได้ดารานำมาให้เสียงพากย์กันหลายคนทั้ง ยามาซากิ เคนตะ จากหนัง Kingdom (2019) มาให้เสียง ยู, อาราตะ แมกเคนยู จากหนัง JoJo’s Bizarre Adventure (2017) มาให้เสียง ฮารุ และ นากาโนะ เม จากหนัง Peach Girl (2017) มาให้เสียง โคโตนะ ก็เป็นดาราที่คอหนังญี่ปุ่นน่าจะคุ้นชื่อเสียงเรียงนามอย่างดี โดยดนตรีประกอบของหนังก็เป็นจุดเด่นอีกอันที่ทำมาได้ดีตั้งแต่ตัวเกมต้นฉบับแล้ว เพราะได้ ฮิซาอิชิ โจ นักแต่งเพลงคนดังมาทำให้ทั้งเกมทั้งหนังเลยทีเดียว เรียกว่าทีมนักแสดงและทีมโพรดักชันเรื่องนี้แน่นนิ้งหายห่วง

 

ส่วนดนตรีประกอบ แม้ว่าจะได้มือขั้นเทพอย่าง โจ ฮิซาอิชิ มาร่วมงาน แต่เพลงประกอบก็ไม่ค่อยติดหูเท่าไรนักถ้าเทียบกับผลงานก่อนหน้านี้

 

ถ้าจะมีจุดที่ทำได้ดีมาก เห็นจะเป็นช่วงเฉลยหักมุมตอนท้ายสุดของเรื่อง (เอาเข้าจริงก็ไม่ใช่ไอเดียใหม่) แต่ก็ถือว่าเฉลยให้หักมุมได้ดีระดับหนึ่ง และบอกเล่าแบบไม่ให้คนดูงงเกินไป เรียกว่าเน้นทำหนังมาขายเด็ก แล้วให้ย่อยเต็มที่ แล้วที่น่าทึ่งคือ ส่วนของการพากย์เสียงภาษาไทยดันทำออกมาได้ดีไม่แพ้เสียงต้นฉบับญี่ปุ่น บางตัวละครเสียงพากย์ไทยดีกว่าด้วยซ้ำ

 

เรื่องนี้จึงเป็นอนิเมะแนวต่างโลกที่สามารถดูได้เพลินๆครับ

 

เว็บดูอนิเมะ

 

 

สรุป

 

ศึกพิภพคู่ขนาน หรือ  Ninokuni Netflix นิโนะคุนิ อนิเมะแฟนตาซีต่างโลก ที่ดัดแปลงจากเกมชื่อดัง สู่ฉบับภาพยนตร์ ที่โดดเด่นด้วยสายเส้นจากทีมงานจิบลิ+มือเขียนบทจากซีรีส์ Inazuma ดนตรีประกอบจากมือขั้นเทพ โจ ฮิซาอิชิ แต่มารวมกันแล้วกลับไม่เด่นอย่างที่ควร ไอเดียไม่ได้แปลกใหม่แม้ว่าจะพยายามนำเสนอได้ดี มีจุดหักมุมตอนท้าย

 

 

จุดเด่น

 

ใครชอบงานลายเส้นสไตล์จิบลิไม่ควรพลาด

เป็นอนิเมะแนวต่างโลกที่ดีระดับหนึ่ง มีจุดหักมุมคาดไม่ถึงอยู่

เดินเรื่องย่อยง่าย ดูได้เพลินๆ

 

จุดด้อย

 

จงใจใส่บทดราม่ายัดเยียดเกินไปในการทำให้สองตัวเอกอยู่กันคนละฝั่ง

ตรรกะตัวละครดูน่าขัดใจ โดยเฉพาะพระรอง

งานภาพก็ยังไม่สมบูรณ์แบบ มีจุดไม่เนียนอยู่

ถ้าทำเป็นซีรีส์ที่ใช้เวลาปูเรื่องนานกว่านี้อาจจะดีกว่าก็ได้

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *