รีวิว Dragon Ball Super Super Hero (2022) ดราก้อนบอลซูเปอร์ ซูเปอร์ฮีโร่ สวัสดีครับ และในวันนี้เราจะพาเพื่อนๆมาดู รีวิวอนิเมะ Dragon Ball Super Super Hero (2022) ดราก้อนบอลซูเปอร์ ซูเปอร์ฮีโร่ ซึ่งเป็นภาพยนตร์อนิเมะชั่นภาคล่าสุดของซีรีส์ Dragon Ball ที่เพิ่งฉายในญี่ปุ่นไปเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2022 ที่ผ่านมา และเป็นเดอะมูฟวี่ภาคที่สองของแฟรนไชส์ Dragon Ball Super ที่ต่อจากภาคก่อนหน้านี้อย่าง Dragon Ball Super: Broly ที่เข้าฉายไปเมื่อ 2018 โดยภาคนี้ก็นับว่าเป็นอีกภาคที่แฟนๆต่างค่อนข้างคาดหวังเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะแฟนคลับของ โกฮัง (Gohan) และ พิกโกโร่ (Piccolo) ที่ภาคนี้พวกเขาได้รับบทเป็นตัวละครนำหลัก ซึ่งแน่นอนว่าเสียงตอบรับในวันเปิดตัวก็ออกมาในทางที่ดีถึงดีมาก ซึ่งมีกลิ่นอายเก่าๆ ที่ตัวละครที่ถูกลืมหลายตัวได้กลับมามีบทบาทสำคัญอีกครั้งหนึ่ง และก็เป็นครั้งแรกหลังจากจบภาคเซลเกมที่โกคูและเบจิต้าไม่ได้เป็นตัวเอกของเรื่อง
การ์ตูนแฟรนไชส์อย่างเรื่อง Dragon Ball นั้นมีมานานมากกว่า 30 ปี ซึ่งปีแรกๆนั้นเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1989 ไปจนถึงปี 1996 และนับตั้งแต่นั้นมา การ์ตูน Dragon Ball ก็นับว่าประสบความสำเร็จมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นภาคต่อหรือภาคแยกหรือภาคที่เป็นภาพยนตร์ The Movie ก็ตามทีอย่างล่าสุดนั้นก็มีเรื่องราวการผจญภัยให้ได้มาลุ้นกันในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่ใช้ชื่อว่า Dragon Ball Super: Super Hero และนับว่าเป็นภาพยนตร์แฟรนไชส์เรื่องที่ 21 ของการ์ตูนเรื่อง Dragon Ball ไปแล้ว และมีการเปิดเผยมาแล้วด้วยว่าภาคนี้มีการใช้เทคโนโลยี 3D animation เข้าช่วยก็จะยิ่งทำให้การดูอนิเมชั่นเรื่องนี้น่าสนุกและน่าติดตามมากยิ่งขึ้นไปอีก เรื่องราวการผจญภัยครั้งใหม่ของโกคูและผองเพื่อนรวมทั้งลูกชายของเขาเมื่อพวกกองกำลังเรดริบบิน ตัวร้ายต้นฉบับที่เคยถูกโกคูทำลายไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ได้กลับมาท้าทายพวกเขาอีกครั้ง ซึ่งได้มาเจนต้าเข้ามาสืบทอดกิจการต่อและยังคงมีเป้าหมายเดิมนั่นก็คือการครองโลก ด้วยหุ่นแอนดรอยด์รุ่นใหม่ที่พวกเขาต้องต่อกรด้วย ส่วนเรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามต่อได้ที่รีวิวข้างล่างนี้ได้เลยครับ
รีวิว Dragon Ball Super Super Hero (2022) ดราก้อนบอลซูเปอร์ ซูเปอร์ฮีโร่
ผลงานกำกับโดย เท็ตสึโระ โคดามะ โดย Dragon Ball Super:Super Hero ภาคนี้ได้รับการกำกับโดยเท็ตสึโระ โคดามะ และได้นักเขียนบทอย่างอาจารย์โทริยาม่า อากิระ เข้ามาช่วยเติมเต็มให้บทนั้นกลมกล่อมมากยิ่งขึ้นบอกได้คำเดียวเลยว่า ฝีมือของทั้งสองท่านนี้จะต้องทำให้เหล่าแฟนๆของดราก้อนบอลได้อึ้งและทึ่งไปตามกันได้อย่างแน่นอนซึ่งอาจารย์ โทริยาม่า อากิระ ได้นำเสนอแนวคิด“เนื้อเรื่องออริจินอล”อีกครั้งผ่านการเขียนสคริปต์(รวมถึงทุกรายละเอียดของบทสนทนา) และการออกแบบตัวละครสำหรับเวอร์ชั่นภาพยนตร์(เปลี่ยนตัวละครที่มีอยู่ก่อน ให้ตรงกับภาพลักษณ์กับมังงะ มากกว่าที่จะใช้ในอนิเมะ)ว่ากันว่าอาจารย์โทริยาม่าเองก็มีส่วนในการลงมาทำงานกับการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้มากกว่าสามเรื่องก่อนหน้า
และใน Dragon Ball Super: Super Hero ภาคนี้นั้นยังได้นักพากย์เสียงชื่อดังอย่างมาซาโกะ โนซาวะ มาให้เสียงเป็น โกฮัง/โกคู/โกเท็น,โทชิโอะ ฟุรุคาวะ-มาให้เสียงเป็น/พิคโกโร่,เรียว โฮริคาวะ มาให้เสียงเป็น-เบจิต้า,ยูโกะ มินางูจิ-มาให้เสียงเป็นปัง/บีเดล,มายูมิ ทานากะ-มาให้เสียงเป็น คุริริน/ยาจิโรเบ้,อายะ ฮิซากาวะ มาให้เสียงเป็น-บูลม่าและ ทาเกชิ คูซาโอะ-มาให้เสียงเป็น/ทรังคซ์ มาร่วมให้ความบันเทิงในการพากย์เสียงในครั้งนี้อีกด้วย
ในขณะนี้มีการรายงานมาทาง Box Office ว่า Dragon Ball Super: Super Hero นั้นทำรายได้ไปแล้วถึง21ล้านดอลล่าห์สหรัฐในสัปดาห์เปิดตัว และรวมทั่วโลกนี้ทำเงินไปแล้วราว80ล้านดอลล่าห์สหรัฐซึ่งนับจากบรรดาแอนิเมชั่นที่ฉายใกล้ๆกันอย่าง Dragon Ball Super: Super Hero นับว่าเป็นหนึ่งในแอนิเมชั่นที่ทำรายได้ออกมาได้โดดเด่นทีเดียวโดยคะแนนความชอบในเว็บมะเขือROTTEN TOMATOESภาคนี้ดีที่สุดในบรรดาภาพยนตร์ดราก้อนบอลทั้งหมด โดยนักวิจารณ์ชอบถึง 93%และประชาชนชอบถึง95%ด้วยกัน
เรื่องย่อสุดยอดอนิเมชั่นในตำนานกับเรื่องราวการต่อสู้ครั้งใหม่ที่กำลังจะอุบัติขึ้น
จะเป็นการดำเนินเนื้อเรื่องต่อจากภาค Dragon Ball Super: Broly มาสักพัก โดยสตอรี่หลักของภาคนี้จะเริ่มต้นที่ กองทัพเรดริบบ้อน(Red Ribbon) ที่เคยถูกโกคูทำลายไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ได้ มาเจนต้า เข้ามาสืบทอดกิจการต่อและยังคงมีเป้าหมายเดิมนั่นก็คือการครองโลก เขาจึงได้ขอความช่วยเหลือจาก ดร.เฮโด้ หลายชายของ ดร.เกโร อัจริยะที่เก่งกาจที่ฝีมือไม่ได้เป็นรองปู่ของตัวเองเลย โดยเป้าหมายแรกของการกำเนิดใหม่ของกองทัพเรดริบบ้อนคือการกำจัดเสี้ยนหนามสำคัญที่เคยทำลายกองทัพของพวกเขามาแล้วอย่างโกคู หรือในอีกมุมหนึ่งนั้น ปัจจุบันคือคนที่มีความสัมพันธ์กับ บริษัทแคปซูล คอร์ป ทั้งหมด ตั้งแต่บลูม่ายันมิสเตอร์ซาตานเลยทีเดียว
และเป้าหมายแรกที่โดนเพ่งเล็งก็คือ พิกโกโร่ และยังคิดจะจับตัว ปัง ลูกสาวของโกฮังไปเพื่ออะไรบางอย่าง ซึ่งกองทัพเรดริบบ้อนได้ส่งมนุษย์ดัดแปลงแกมม่า 2 ที่มีความสามารถและพลังเทียบเท่ากับนักรบซูเปอร์ไซย่าให้มาจัดการพิกโกโร่ ทำให้พิกโกโร่ต้องไปตามโกฮังให้มาช่วยปกป้องโลกจากการรุกรานในครั้งนี้ เพราะเบจิต้ากับโกคูมัวแต่ไปฝึกวิชากับท่านบิลล์อยู่ แต่ว่าโกฮังในเวลานี้ เป็นนักวิชาการด้านแมลง และดูไม่มีความเป็นนักรบไซย่าเอาเสียเลย โดยเมื่อโลกตกอยู่ในอันตรายก็ต้องให้คนบนโลกปกป้องกันเอง
พล็อตเรื่องยังคงยอดเยี่ยมตามสไตล์อนิเมะฮิตเช่นเคย
เซตติ้งในช่วงแรกของหนัง นำเสนอในโจทย์ของคนบนโลก ที่มีโกฮัง, ปัง, พิกโกโร่ และคนอื่นๆใช้ชีวิตในโลกนี้ยังไง และกองทัพเรดริบบ้อนคืออะไร ซึ่งตัวหนังเลือกที่จะเล่าจุดนี้ในช่วงต้น และน่าสนใจเป็นอย่างมาก แถมคนดูที่ห่างหายจากดราก้อนบอลมานาน ก็สามารถเข้าใจเรื่องราวบางส่วนได้จากบทเกริ่นนำที่เล่ากระชับ และใช้เวลาไม่มากนักอีกด้วย
ซึ่งจากภาคที่แล้วที่โดนคนดูบ่นว่าฉากแอ็กชั่นเยอะจนเกินไปมาก มาในภาคนี้ถือว่ามีการปรับบาลานซ์ระหว่างฉากต่อสู้และฉากพูดคุยดำเนินเรื่องออกมาได้ค่อนข้างดีขึ้นเยอะ ไม่รู้สึกว่ามีเรื่องไหนที่น้อยไปกว่ากัน สำหรับการดำเนินเรื่องของภาคนี้จัดว่าเป็นอะไรที่เรียบง่าย ดูง่าย ไม่ค่อยมีอะไรหนักๆ หรือดราม่าอะไรสักเท่าไหร่เมื่อเทียบกับภาคอื่นที่ผ่านมา
หนังพยายามนำเอามุกสไตล์แบบ อาจารย์ โทริยาม่า อากิระ กลับมาสร้างเสียงหัวเราะให้กับแฟนดราก้อนบอลอีกครั้ง บวกกับความน่ารักสดใสของ ปัง เด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เป็นลูกของโกฮัง ก็ทำให้ถึงขั้นกับยิ้มได้ไม่หุบ และด้วยความที่เป็นการ์ตูนที่แฟนดราก้อนบอลรู้จักตัวละครในเรื่องกันดีอยู่แล้ว มุกตลกส่วนใหญ่ก็จะเล่นกับตัวละครเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีตัวชง ตัวตบ ตัวโดน ครบรส และเชื่อเลยว่าคนดูหนังเรื่องนี้ต้องมีหลุดฮาหลายฉากเลย
สำหรับในหนังเรื่องนี้การได้กลับมาดู2ตัวละครอย่าง พิกโกโร่ และโกฮัง ต้องจับมือมาช่วยกันกู้โลกด้วยกันอีกครั้งเป็นอะไรที่ดีงามมากๆ คิดถึงบรรยากาศแบบนี้สุดๆเรียกว่าเป็นการนำตัวละครที่ไม่จะค่อยมีบทกลับมาแบกเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยม จากตอนแรกก่อนดูคิดว่าถ้าโกคูกับเบจิต้าไม่โผล่มาหนังเรื่องนี้คงจะจืดชืดแน่แต่เป็นอะไรที่ผิดคาดมาก เพราะการจับคู่กันของ2ตัวละครนี้คือเป็นอะไรที่ลงตัวอย่างที่สุดและเป็นบรรยากาศที่น่าคิดถึงและแปลกใหม่สำหรับหนังดราก้อนบอลในยุคนี้ และถึงแม้ภายในเรื่องตัวละครหลักๆอย่าง โกคูกับเบจิต้า จะถูกลดบทบาทลงไปเยอะมากแต่ก็ใช่ว่าจะไม่โผล่มาให้แฟนๆหายคิดถึงเลย
จุดเด่นและจุดด้อยของอนิเมะ
ส่วนของด้านงานภาพนั้นก็ค่อนข้างประทับใจเลย ทำออกมาสมกับการเป็นอนิเมะชั่นของปี 2022 เลยล่ะ ที่ทั้งภาพและเสียงดูสวยมาก ยิ่งเจอพวกฉากต่อสู้เข้าไปบอกเลยว่าตรงนี้ไม่ควรพลาด ภาพสวย คม สมจริง เพราะใช้เทคโนโลยี 3D animation เข้ามาช่วย ยิ่งทำให้การดูอนิเมะชั่นเรื่องนี้น่าสนุกและน่าติดตามมากยิ่งขึ้น เป็นงานอนิเมะชั่นที่ครบรสและเดือดที่สุดเรื่องหนึ่ง แล้วยิ่งบวกกับดูในโรง IMAX ด้วยแล้วยิ่งดีเลย ใครที่เป็นแฟนๆของการ์ตูนเรื่องนี้ บอกเลยว่าภาคนี้คุณจะได้เห็นพลังขั้นสุดยอดของโกฮังที่จัดเต็มมากๆแน่นอน
เนื้อหาดูได้ทั้งครอบครัว คนเจนไหนก็ต้องเคยดู เพราะออกฉายตั้งแต่ปี 1986 ซึ่งได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กทุกเจนทั้งเจนX และเจนYและแม้ปัจจุบันเวลาจะผ่านมาถึง36ปี แต่เนื้อหาก็ยังคงอยู่ข้ามกาลเวลา และยังได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้ การันตีจากรายได้ของการเข้าฉายที่สหรัฐอเมริกา และทำรายได้เปิดตัวแรง คว้าอันดับหนึ่ง ในตารางหนังทำเงินประจำสัปดาห์มาได้ ในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาถึง20กว่าล้านเหรียญดอลลาร์ สิ่งที่น่าชมสำหรับมูฟวี่ภาคนี้อีกอย่างคือเพลงประกอบที่ยกระดับจากฟีลลิ่งเพลงประกอบอนิเมชั่นเป็นเพลงประกอบสไตล์ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ แม้ว่าตัวเนื้อเรื่องจะมีความเป็นอนิเมะ แต่เพลงประกอบฉากก็มีความเข้ากันอย่างน่าทึ่ง อีกทั้งยังทำให้รู้สึกว่าตัวอนิเมะมีการยกระดับขึ้นไปอีกระดับจากเพลงประกอบด้วย โดยเฉพาะเพลงประกอบในฉากเซอร์ไพรส์ของภาคนี้และช่วงไคลแม็กซ์ที่ทำให้ขนลุกซู่จนอยากจะร้องกรี๊ดให้โลกแตก
หลังจากที่อาจารย์ โทริยาม่า อากิระ เริ่มเขียนบทให้อนิเมะตั้งแต่มูฟวี่ Dragon Ball Resurrection of F, Dragon Ball Super: Broly และ Dragon Ball Super: Super Hero ซึ่งภาคนี้เราจะได้เห็นถึงความตั้งใจของอาจารย์ โทริยาม่า อย่างแท้จริงไม่ว่าจะเป็นการอธิบายเรื่องราวการใช้คำพูดของตัวละคร และการเกลี่ยบทให้ทุกตัวละครมีความน่าจดจำ รวมถึงมุกตลกที่ทำให้ยิ้มมุมปากได้เป็นระยะๆ ซึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการใส่รายละเอียดต่างๆเพิ่มเข้ามา อีกทั้งการอ้างอิงจากอนิเมะอีสเตอร์เอ้กของผลงานที่ผ่านมาของอาจารย์ โทริยาม่า โดยในมูฟวี่ภาคนี้ได้มีการใส่สิ่งเหล่านี้เข้ามาเยอะมาก แทบปรากฎออกมาทุกฉากจนทำให้บางครั้งถึงกับเผลอหลุดโฟกัสไปเลยว่าตัวละครหลักกำลังทำอะไรอยู่
รีวิว Dragon Ball Super Super Hero (2022) ดราก้อนบอลซูเปอร์ ซูเปอร์ฮีโร่ บทสรุป
โดยสรุปแล้ว นี่เป็นการ์ตูนดราก้อนบอลที่มอบความบันเทิงให้กับคนดูได้ตลอดทั้งเรื่อง มีเนื้อหาที่ย่อยง่าย และมีฉากน่าจดจำเยอะ แม้อาจจะไม่ใช่ดราก้อนบอลที่ต่อสู้สาดพลังหนักเท่าภาคอื่นก็ตาม แต่โดยรวมก็เป็นภาคที่ดูสนุกอีกทั้งยังมีมุขตลกสไตล์อาจารย์ โทริยาม่า ในสมัยตอนเขียนการ์ตูนหนูน้อยอาราเล่ให้ได้คิดถึง และเปลี่ยนบรรยากาศการเดินเรื่องจากปกติที่จะเน้นไปที่ โกคูและเบจิต้า เป็นตัวหลักมาใช้โกฮังและพิกโกโร่ แทนซึ่งก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมทำให้คิดถึงบรรยากาศในดราก้อนบอลสมัยช่วงเซลเกมเลย โดยรวมถ้าคุณเป็นแฟนการ์ตูนเรื่องนี้แนะนำให้คุณไปดูเลยเพราะนี่จะเป็นอีก The Movie ของซีรีส์ดราก้อนบอลที่คุณจะต้องหลงรักได้อย่างแน่นอน
ความรู้สึกหลังรับชม
หลังจากที่ดูจนจบ หนัง Dragon Ball Super: Super Hero จัดเต็มไปกับฉากแอ็คชั่นสุดอลังการมากๆบวกกับพลังขั้นใหม่ของโกฮังที่โคตรเท่ และยิ่งมาพร้อมกับงานภาพและเสียงที่เหมาะกับการ์ตูนอนิเมะชั่นในปี2022เลยแหละแม้องค์ประกอบบางอย่างอาจจะยังสู้ภาคก่อนไม่ได้แต่ก็ไม่ได้แย่แน่นอนสำหรับแฟนคลับของ Dragon Ball และอาจารย์โทริยาม่า แล้วก็ถือว่ามูฟวี่ภาคนี้ทรงคุณค่าและเป็นภาพยนตร์ซีรีส์ Dragon Ball ที่ดีมากซึ่งหากคุณเป็นแฟนคลับตัวจริงและอยากเก็บรายละเอียดคุณจะไม่มีทางดูหนังภาคนี้แค่รอบเดียวแน่นอนผมขอให้คะแนนที่8.5/10ไปเลยครับ