รีวิว High-Rise Invasion หน้ากากเดนนรก
รีวิวอนิเมะรอบนี้ มาสายโหด เข้าโหมดดาร์ก ๆ หน่อยนะคะ ดังนั้นขอบอกตั้งแต่ต้นบทความเลยว่า เรื่องนี้แนะนำเป็น 18+ ขึ้นไปจะดีกว่าค่ะ เพราะโหดจริง ไม่ได้พูดเล่นเลย
High-Rise invasion หรือชื่อไทย หน้ากากเดนนรก (มังงะลิขสิทธิ์โดย Luckpim) มังงะเอาชีวิตรอดบนเว็บ Manga box สุดดัง สู่อนิเมะเน็ตฟลิกซ์ออริจินัล เรื่องราวของ ฮอนโจ ยูริ ที่ได้ตื่นขึ้นมาบนตึกเสียดฟ้าล้อมรอบตัวเธอนับไม่ถ้วน และมีสะพานเชื่อมตามเหล่าตึกเหล่านี้ไว้ กฎการเอาชีวิตรอดนี้โลกนี้มีเพียงแค่สองสิ่งเท่านั้นคือ ฆ่าคนอื่น หรือจะโดนคนอื่นฆ่า เรื่องนี้ถือว่าเป็นอนิเมะ Netflix Original เรื่องแรกของปีที่ฉายพร้อมกันทั่วโลก โดยที่ยังไม่ฉายภายในญี่ปุ่นก่อน นอกจากนี้หน้ากากเดนนรกยังมีพากย์ไทยสำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านซับไทยด้วย
เป็นเรื่องมนุษย์ธรรมดา ๆ ที่หลุดเข้ามาที่โลกที่มีแต่เหล่านักฆ่าใส่หน้ากากที่เรียกตัวเองว่า เทวดา และมนุษย์ที่คุณสมบัติตามที่กำหนดจะถูกเรียกว่าผู้เข้าใกล้พระเจ้า ซึ่งผู้ที่เข้าใกล้พระเจ้าได้นั้นจะสามารถควบคุมเหล่าหน้ากากได้ และไม่เพียงต้องสู้กับหน้ากากเท่านั้น โลกนี้ยังมีกฏเกณฑ์ที่โหดร้ายมาก ๆ เช่นต้องฆ่ากันเท่านั้นถึงจะอยู่รอด แต่ถ้าไม่เข้มแข็งจนฆ่าหรือสู้กับคนอื่นได้ ก็จะถูกทำให้สิ้นหวังและกดดันให้ฆ่าตัวตายไปซะ
ซึ่งทั้งฮนโจ ยูริ และ ฮนโจ ริกะ สองพี่น้องที่หลุดเข้ามาในโลกนี้ และมีเเรงใจกับความเข้มแข็งอย่างล้นเปี่ยมก็ได้พยายามช่วยเหลือผู้คนและรวมพรรคพวกเพื่อหวังจะทำลายโลกที่เขาหลุดเข้ามาให้ได้ สุดท้ายพวกเขาจะทำลายโลกที่โหดร้ายนี้ได้หรือไม่นั้นสามารถรับชมได้ที่ Netflix
รีวิว High-Rise Invasion หน้ากากเดนนรก เรื่องย่อ
กล่าวถึง ฮอนโจ ยูริ ที่ตื่นขึ้นมาในดาดฟ้าแห่งหนึ่ง พร้อมพบว่าตัวเธอนั้นกำลังถูกไล่ล่าโดยชายผู้สวมหน้ากากอยู่ พวกเขาไม่แม้แต่จะคุยหรือแสดงความปราณีใดๆ ต่อตัวเธอเลย ราวกับว่าโดนควบคุมอยู่ นั้นจึงทำให้เธอต้องหาทางเอาชีวิตรอดจากสถานที่แห่งนี้ และพร้อมหาวิธีไปยังพี่ชายของเธอที่ได้มาสถานที่เดียวกันกับเธอนั้นให้ได้ แต่ระหว่างทางเธอกลับพบว่าที่นี้คือสถานที่ไว้สำหรับหา “ผู้ใกล้เคียงพระเจ้า” แล้วสิ่งนี้มันคืออะไรกันแน่!? ทำไมเหล่าคนสวมหน้ากากถึงไม่โจมตีพวกเขาเหล่านั้นกัน?
การเล่าเรื่องในช่วงแรกของเรื่องนี้ เรียกได้ว่ามีความเร่งรีบเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับตัวมังงะต้นฉบับ ทั้งในระดับรายละเอียดปลีกย่อยและหลัก ทางอนิเมะเลือกที่จะตัดบางสิ่งออกไป และเสริมบางสิ่งเข้ามาแทนเพื่อให้มีความน่าสนใจมากขึ้น แต่ช่างน่าเสียดายที่มังงะสามารถเก็บรายละเอียดเริ่มต้นได้ดีกว่าอย่างมาก อย่างในอนิเมะเมื่อ ยูริ ตื่นขึ้น เธอโทรไปหาพี่ชายของเธอทันที่เพื่อจะสอบถามเรื่องราวทั้งหมดของสถานที่แห่งนี้ พร้อมได้รับคำแนะนำที่จะทำให้เธอสามารถรอดจากสถานการณ์แบบนี้ได้ แต่ในขณะที่มังงะจะมีชั้นเชิงมากกว่านั้น ฉากแรก ยูริ จะถูกไล่ล่าโดยชายสวมหน้ากากตั้งแต่หน้าแรก และพยายามหนีมาติดต่อพี่ชายเธอผ่านโทรศัพท์ แต่ก็ยังไม่คุยจบดีเธอก็โดนชายสวมหน้ากากไล่ตามทันเสียแล้ว และพังโทรศัพท์เธอทิ้ง จึงทำให้เธอต้องเรียนรู้โลกใบนี้ผ่านประสบการณ์เอง ซึ่งตัวอนิเมะเองจะเล่าให้จบภายใน 2-3 นาทีเลยก็ว่าได้ ซึ่งมันกระชับรวดเร็วเกินไป ทำให้ไม่มีอารมณ์ร่วมต่อตัวละครมากเท่าไหร่ เมื่อปัญหามันจบลงเร็วและง่ายเกินไป
แนะนำตัวละคร
เรื่องนี้ขอบอกก่อนว่าตัวละครเยอะมาก ๆ และเพราะเป็นอนิเมะที่มีตัวละครต้องใส่หน้ากาก อาจจะเยอะแยะจนจำไม่ไหว เอาเป็นว่าจะแนะนำเฉพาะตัวหลัก ๆ ที่น่าสนใจ
สองพี่น้องฮนโจ
ฮนโจ ยูริ และ ฮนโจ ริกะ พี่ชายและน้องสาวที่หลุดเข้ามาที่โลกที่มีแต่เหล่านักฆ่าใส่หน้ากาก และกฏที่สร้างขึ้นมาให้คนฆ่ากันเอง คนพี่คือ ริกะ (หล่อนะบอกเลย) ใช้อาวุธเป็นค้อน คนน้องคือ ยูริ ถนัดใช้ปืน ทั้งคู่ค่อนข้างเป็นคนพิเศษ เพราะเข้มแข็ง หัวไว กล้าหาญ จึงจัดเป็นคนที่พึ่งพาได้ จนสามารถรวมพรรคพวกเพื่อช่วยกันสู้และปกป้องกันและกันได้
นิเสะ มายูโกะ
ในโลกปัจจุบันนั้นนิเสะมักถูกรังแกและถูกละเลยจากทุกคนเสมอมา เธอจึงเป็นเด็กเย็นชามาก และเมื่อเข้ามาในโลกใหม่ก็ทำให้เธอกลายเป็นนักฆ่าที่เลือดเย็น แต่หลังจากได้เจอยูริเธอก็แน่วแน่ที่จะอยู่ปกป้องยูริ
หน้ากากสไนเปอร์
เขาคนนี้ถูกบังคับให้สวมหน้ากาก และช่วงขณะหนึ่งที่สวมหน้ากากนั้นเขาก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จนเกือบจะทำร้ายพี่น้องฮนโจ หน้ากากสไนเปอร์จะเชี่ยวชาญการซุ่มยิง และระหว่างต่อสู้กับยูริและนิเสะก็ทำให้หน้ากากร้าว เขาจึงกลับมาควบคุมสติในฐานะมนุษย์ได้อีกครั้ง
ชินซากิ คุอง
เด็กสาวไร้เดียงสา ที่อยู่ ๆ ก็โผล่เข้ามาคุยกับหน้ากากสไนเปอร์ ซึ่งเธอก็เป็นผู้เข้าใกล้พระเจ้ามากกว่าใครใด ๆ ทั้งหมด และนั้นทำให้เธอเป็นผู้ใช้เรลกัน ปืนใหญ่อนุภาคร้ายแรงที่สุดได้ แต่เพราะเติบโตมาในสังคมผู้ดี เธอจึงเป็นคนสุภาพ และไม่เข้าใจความโหดร้ายในการต่อสู้
ความรู้สึกหลังดู
พอดูหลังดูจบไปหนึ่งตอนจะพบว่าเนื้อหาตัดทอนส่วนสำคัญไปเยอะมากจนทำให้ 1 ตอนอนิเมะ เท่ากับมังงะประมาณ 20 กว่าตอนเลยก็ว่าได้ จนทำให้ผู้ชมที่ไม่เคยดูมาก่อนรู้สึกว่ามันเร็วมาก และไม่สามารถตามแก่นเรื่องและตัวละครได้ทัน อาจจะต้องไปทำความเข้าใจใหม่ แต่พอฉายไปเรื่อย ๆ จะพบว่าการเล่าเรื่องจะค่อย ๆ เล่ากระชับยิ่งขึ้นไม่เหมือนช่วงตอนแรก จะเริ่มมีการเฉลยปมว่า อย่างหน้ากากสไนเปอร์เป็นใคร? สถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่ออะไร? เหล่าหน้ากากมีหน้าที่ทำอะไร? การเฉลยปมเหล่านี้จะเฉลยไปเรื่อย ๆ ทีละตอน ทำให้ความสนุกระหว่างดูมีมากขึ้น พอเข้าสู่ช่วงกลางเรื่อง ที่เริ่มแนะนำตัวละครและปมเสร็จหมดแล้ว เหล่าตัวละครจะเริ่มรู้บทบาทของโลกนี้มากขึ้น มันจึงทำให้เปลี่ยนแนวจาก เอาชีวิตรอด เป็น การหาทางถล่มที่นี้แทน ช่วงกลางถึงท้ายจึงเปลี่ยนแนวเป็นการทำสงครามกันแทน พล็อตแบบนี้อาจจะเห็นได้ทั่วไปในทั้งในซีรีส์และหนังทั่วไปเลยก็ว่าได้ในหนังเอาชีวิตรอดยกตัวอย่างเช่น The walking dead เรียกได้ว่ามีกันให้เห็นในตลาดเต็มไปหมด และตัวละครช่วงหลังจะมีความสามารถขึ้นเรื่อย ๆ จากมนุษย์ธรรมดากลายเป็นมีพลังเหนือมนุษย์ เพราะความเวอร์นี้แหละ เลยทำให้ช่วงนี้สนุก แต่ละคนโชว์ของเต็มที่ สนุกมากสำหรับช่วงท้าย ที่มีแต่สู้กันรัว ๆ แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบอะไรเวอร์วังอาจจะไม่ชอบเรื่องนี้ในตอนท้ายก็ได้
พูดถึงงานภาพกันบ้าง การดัดแปลงและเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าใหม่ของตัวละครในอนิเมะทำออกมาได้สวยงาม ตัวละครในแต่ละฉากทำมาค่อนข้างละเอียดทั้งเรื่องดีเทลบนหน้า และชุดเสื้อผ้าขาด มีการเก็บลายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ดูเล่น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีงานเผา บางฉากมีการนำโมเดล 3D ของตัวละครมาใส่แทน และการใส่ท่าทางสีหน้าบางฉากของเรื่องยังทำออกมาได้ไม่ดีพอ
พอดูหลังดูจบไปหนึ่งตอนจะพบว่าเนื้อหาตัดทอนส่วนสำคัญไปเยอะมากจนทำให้ 1 ตอนอนิเมะ เท่ากับมังงะประมาณ 20 กว่าตอนเลยก็ว่าได้ จนทำให้ผู้ชมที่ไม่เคยดูมาก่อนรู้สึกว่ามันเร็วมาก และไม่สามารถตามแก่นเรื่องและตัวละครได้ทัน อาจจะต้องไปทำความเข้าใจใหม่ แต่พอฉายไปเรื่อย ๆ จะพบว่าการเล่าเรื่องจะค่อย ๆ เล่ากระชับยิ่งขึ้นไม่เหมือนช่วงตอนแรก จะเริ่มมีการเฉลยปมว่า อย่างหน้ากากสไนเปอร์เป็นใคร? สถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่ออะไร? เหล่าหน้ากากมีหน้าที่ทำอะไร? การเฉลยปมเหล่านี้จะเฉลยไปเรื่อย ๆ ทีละตอน ทำให้ความสนุกระหว่างดูมีมากขึ้น พอเข้าสู่ช่วงกลางเรื่อง ที่เริ่มแนะนำตัวละครและปมเสร็จหมดแล้ว เหล่าตัวละครจะเริ่มรู้บทบาทของโลกนี้มากขึ้น มันจึงทำให้เปลี่ยนแนวจาก เอาชีวิตรอด เป็น การหาทางถล่มที่นี้แทน ช่วงกลางถึงท้ายจึงเปลี่ยนแนวเป็นการทำสงครามกันแทน พล็อตแบบนี้อาจจะเห็นได้ทั่วไปในทั้งในซีรีส์และหนังทั่วไปเลยก็ว่าได้ในหนังเอาชีวิตรอดยกตัวอย่างเช่น The walking dead เรียกได้ว่ามีกันให้เห็นในตลาดเต็มไปหมด และตัวละครช่วงหลังจะมีความสามารถขึ้นเรื่อย ๆ จากมนุษย์ธรรมดากลายเป็นมีพลังเหนือมนุษย์ เพราะความเวอร์นี้แหละ เลยทำให้ช่วงนี้สนุก แต่ละคนโชว์ของเต็มที่ สนุกมากสำหรับช่วงท้าย ที่มีแต่สู้กันรัว ๆ แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบอะไรเวอร์วังอาจจะไม่ชอบเรื่องนี้ในตอนท้ายก็ได้
พูดถึงงานภาพกันบ้าง การดัดแปลงและเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าใหม่ของตัวละครในอนิเมะทำออกมาได้สวยงาม ตัวละครในแต่ละฉากทำมาค่อนข้างละเอียดทั้งเรื่องดีเทลบนหน้า และชุดเสื้อผ้าขาด มีการเก็บลายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ดูเล่น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีงานเผา บางฉากมีการนำโมเดล 3D ของตัวละครมาใส่แทน และการใส่ท่าทางสีหน้าบางฉากของเรื่องยังทำออกมาได้ไม่ดีพอ
สำหรับใครที่ชอบในอนิเมะแล้วอยากติดตามมังงะต่อ ขอแนะนำว่าให้อ่านตั้งแต่เล่มแรกเลย เพราะรายละเอียดการเล่าเรื่องจะทำได้กระชับ และมีชั้นเชิงกว่าอนิเมะมาก
ผลงานมังงะเรื่องนี้ได้จบลงแล้ว ซึ่งมีทั้งหมด 21 เล่มจบ และในไทยเองก็มีลิขสิทธิ์สำนักพิมพ์ Luckpim ที่ออกหนังสือครบทั้งหมด 21 เล่มแล้วเช่นกัน แต่ดูเหมือนเรื่องราวจะยังไม่จบแค่นั้นจึงมีภาค High-Rise Invasion Arrive ต่อ ซึ่งปัจจุบันทางญี่ปุ่นก็ออกมาได้สองเล่มแล้ว
ซีซั่นทั้งหมด: 1 ซีซั่น
จำนวนตอนทั้งหมด : 12 ตอน
ตอนละประมาณ : 25 นาที
เสียงพากย์: ญี่ปุ่น/อังกฤษ/ไทย
บรรยาย: ไทย
สรุป
อนิเมะเอาชีวิตรอดที่สนุกอีกเรื่อง ด้วยความเวอร์ของตัวละคร ที่มีพลังไม่เหมือนกันในแต่ละคน ทำให้ฉากต่อสู้ทำออกมาได้สนุก มีการจิ้นตัวละครเยอะมากภายในเรื่อง และการทำฉากเลิฟคอมเมดี้ที่เผลอ ๆ ดีกว่าฉากแอ็กชั่นอีก!!
จุดเด่น
คาแร็กเตอร์ตัวละครแต่คนสวยเท่มาก
คู่จิ้นแต่ละคนน่าอวยสุดๆ
ทำฉากเลิฟคอมมาให้ฟินเยอะมาก
ฉากช่วงท้ายทำออกมาค่อนข้างดี
พลังตัวละครช่วงหลัง ๆ จะเวอร์มากขึ้น
จุดด้อย
การเล่าเนื้อเรื่องช่วงแรกที่เร็วและตัดทอนเนื้อหาเยอะเกินไป
บางฉากที่ควรจริงจังแต่กลับมีติดตลก
การวาดสีหน้าตัวละครในบางฉากไม่เข้ากับบรรยากาศในตอนนั้น