รีวิว Steins Gate ฝ่าวิกฤตพิชิตกาลเวลา
Steins Gate ฝ่าวิกฤตพิชิตกาลเวลา รีวิว อนิเมะที่ดัดแปลงจาก Visual Novel ชื่อดัง กลายเป็นสุดยอดอนิเมะไซไฟที่ยอดเยี่ยมตลอดกาลที่สุดเรื่องหนึ่ง ถ้าใครชอบซีรีส์ Dark ใน Netflix ควรต้องดูเรื่องนี้เลย
ซึ่งตัวอนิเมะซีรีส์ สไตน์เกท จะมีอยู่ 2 ภาค สามารถรับชมได้ใน Netflix คือ ภาคแรก และ ภาค ซีโร่ และยังมีอีก 1 มูวี่ ที่เป็นบทสรุปของทั้งสองภาครวมกันด้วย (แต่มูวี่ยังไม่เข้า Netflix)
เนื่องจากเรื่องนี้ถูกสร้างมาก่อน Dark ซีรีส์ไซไฟเรื่องดังใน Netflix แล้วก็มีพลอตบางอย่างที่คล้ายกันอยู่ ดังนั้นถ้าใครชอบเรื่องแนว Dark นี่คืออนิเมะไซไฟที่แนะนำว่า ต้องดูครับ แม้จะไม่แน่ชัดว่า Dark ได้รับแรงบันดาลใจหรืออิทธิพลอะไรมาจาก สไตน์เกท บ้างหรือไม่ เพราะนี่ก็เป็นอนิเมะที่ดังในโลกตะวันตกเหมือนกัน
รีวิว Steins Gate ฝ่าวิกฤตพิชิตกาลเวลา ตัวละคร
โอคาเบะ รินทาโร่
นักศึกษาที่เป็นผู้ก่อตั้งห้องแล็ปเล็กๆ ที่เช่าอยู่ชั้นบนของร้านขายโทรทัศน์แห่งหนึ่ง มีเป้าหมายคือการทดลองและสร้างสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ
เขายังเป็นชายหนุ่มที่มีนิสัยชอบพูดจาเพ้อเจ้อ เหมือนเป็นพวกจูนิเบียว ที่จินตนาการเอาเองแบบเด็กๆ มักพูดว่าตนเองคือ Mad Scientist หรือนักวิทยาศาสตร์คลั่ง อารมณ์แบบตัวร้ายในหนังการ์ตูนยุคเก่า เรียกตัวเองว่า “โฮโออิน เคียวมะ” (ชื่อให้อารมณ์และความหมายแบบนักวิทยาศาสตร์ตัวร้ายในหนังยุคเก่า) เขายังมีความคลั่งไคล้ในด้านวิทยาศาสตร์และการทดลองต่างๆ มาก เขามักใช้เวลาแต่ละวันอยู่กับ เพื่อนสมัยเด็กอย่าง ชิอินะ มายูริ และแฮกเกอร์ร่างอวบอย่าง ดารุ ภายในห้องทดลอง
แต่แล้ววันหนึ่งกลับ เมื่อเขาได้ไปฟังสัมนาเรื่องการย้อนเวลา กลับกลายเป็นว่าการกระทำเล็กๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจของเขากลับส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ที่ทำให้ชีวิตของเขาและผู้คนรอบข้างเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงการได้พบกับ มาคิเสะ คุริสึ สาวน้อยอัจฉริยะของโลกวิทยาศาสตร์ ที่เธอจะกลายมาเป็นคนสำคัญในชีวิตของเขาด้วย
มาคิเสะ คุริสึ
สาวน้อยยอดอัจฉริยะ ที่เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมงานสัมนาทางวิทยาศาสตร์ เธอมีมันสมองและไอคิวเหนือคนทั่วไป ด้วยโชคชะตาก็ทำให้เธอได้มาพบกับรินทาโร่และคนอื่นๆ รินทาโร่ ยังได้ตั้งฉายาให้เธอว่า ยัยซอมบี้ และเรียกเธอว่า คริสติน่า
แต่แล้วการพบกันระหว่างพวกเขาสองคนคือจุดเริ่มต้นของวังวนที่ไม่รู้จบในเรื่องราวนี้
ชิอินะ มายูริ
นักเรียนมัธยมปลายที่เป็นเพื่อนสาวสมัยเด็กของรินทาโร่ เป็นคนร่าเริง ยิ้มแย้มเสมอ มักใช้เวลาในแล็ปทดลองร่วมกับรินทาโร่และดารุ ซึ่งโชคชะตาของเธอเกิดพลิกผันอย่างรุนแรงจากการกระทำบางอย่างของรินทาโร่
ดารุ
ซุปเปอร์แฮกเกอร์ยอดอัจฉริยะที่ทำได้แทบทุกอย่างในด้านคอมพิวเตอร์ เขายังเป็นคนสร้างอุปกรณ์หลายชิ้นที่ดูไม่ค่อยเข้าท่าขึ้นมาด้วย แต่กลายเป็นว่าหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ที่เขาและรินทาโร่ร่วมกันสร้างได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงบางอย่าง
สึซึฮะ
สาวน้อยร่าเริงที่ทำงานพาร์ทไทม์อยู่ในร้านขายโทรทัศน์ชั้นล่างของแล็ปทดลองที่พวกรินทาโร่เช่าอยู่ กุมความลับสำคัญบางอย่างเอาไว้
รุกะ
เด็กหนุ่ม (??) ประจำศาลเจ้าที่รู้จักกับพวกรินทาโร่ เป็นคนที่รินทาโร่ยอมรับว่าน่ารักกว่าผู้หญิงจริงๆด้วยซ้ำ เป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญอีกคนที่ส่งผลต่อเรื่องราว
แฟริส
เมดของร้านคาเฟ่ในอากิฮาบาระที่ดารุมักไปใช้บริการประจำ แท้จริงแล้วเป็นลูกสาวของอภิมหาเศรษฐีในอากิฮาบาระ เรื่องของเธอยังส่งผลกระทบในวงกว้างภายในอากิฮาบาระด้วย
โมเอกะ
สาวสวยทรงเสน่ห์ที่พบกับรินทาโร่โดยบังเอิญ และยังรับทำงานด้านนักสืบ แต่ที่จริงเธอมีความลับบางอย่างซ่อนไว้
หนึ่งในคำถามที่ตอบง่าย แต่ก็ตอบยากคือ เรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร???? เพราะถ้าบอกออกไป มันจะเป็นการสปอยล์เนื้อหาของเรื่องอย่างรุนแรง
อีกทั้งต้องยอมรับว่า หนึ่งในความสุดยอดของอนิเมะเรื่องนี้ที่ทำให้เรื่องราวได้ตราตรึงคนดูทั่วโลกจนถึงขนาดที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสุดยอดอนิเมะไซไฟทริลเลอร์ที่ดีที่สุดในรอบทศวรรษจากหลายสำนัก (หรืออาจจะถึงขั้นยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลในแนวไซไฟด้วยซ้ำ) ก็คือเนื้อหาที่คาดเดาไม่ได้ และชวนให้ต้องลุ้นกันตลอดเวลาว่าเรื่องราวจะไปจบลงยังไง
โดยเนื้อหาตอนแรก จะมีการแย้มออกมาว่ามันเกี่ยวข้องกับเรื่องของ “เวลา” เพียงแต่เรื่องนี้มีการนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ สมจริง แถมยังมีสไตล์ของตัวเองที่ชัดเจนมาก ผสมผสานกับแนวทริลเลอร์ระทึกขวัญ แล้วยังสามารถใส่ความโรมานซ์เข้ามาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
จุดเด่น ของเรื่อง แทบจะทุกด้าน น่าทึ่งตรงที่ว่าเรื่องนี้เป็นอนิเมะไซไฟ ที่ไม่ได้เน้นฉากแอ็กชั่นอะไรนัก แต่กลับทำออกมาให้เราได้ลุ้นกันแทบจะตลอดเวลา (โดยเฉพาะตั้งแต่ครึ่งหลัง) การเดินเรื่องในครึ่งหลังเรียกว่าเป็นระดับมาสเตอร์พีซในสไตล์ไซไฟทริลเลอร์ และที่น่าเหลือเชื่อคือมันเต็มไปด้วยดราม่าปนโรมานซ์ที่สุดจะประทับใจเอามากๆ รวมถึงเคมีระหว่างตัวละครในเรื่องก็ทำออกมาได้ดี โดยเฉพาะตัวเอก รินทาโร่ และ คุริสึ ที่เมื่อดูจบแล้วคนดูจะหลงรักสองตัวเอกนี้แน่นอน
เพียงแต่ข้อด้อยร้ายแรงที่สุดของเรื่องนี้ก็คือ ช่วง 1-4 ตอนแรก มันดูไม่สนุกเท่าไรนัก แม้ว่าจะมีการทิ้งปมน่าสนใจมากๆ เอาไว้ในท้ายก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่าการเดินเรื่องในช่วงแรกนั้นเต็มไปด้วยความ เพ้อเจ้อ ตัวละครเอกอย่างรินทาโร่ที่มีนิสัยสุดประหลาด เพ้อเจ้อและพูดมากจนน่ารำคาญ ไม่ใช่พระเอกที่ดูเท่อะไรนัก แถมเซตติ้งของเรื่องก็เต็มไปด้วยตัวละครสไตล์ที่ดูเหมือนทำมาเพื่อสนองนี๊ดให้เหล่าโอตาคุ เรื่องราวเต็มไปด้วยศัพท์แสงของเหล่าโอตาคุ ที่ดูเฉพาะทางเอามากๆ
ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ทำไมหลายคนดรอปเรื่องนี้ในช่วงแรก คือหากคุณไปถามคนที่เคยดูเรื่องนี้มาสัก 100 คน รับรองเลยว่าประมาณ 80-90 คนจะต้องเคยดรอปเรื่องนี้ตั้งแต่ 1-4 ตอนแรกแน่นอน
แต่หากเปิดใจยอมอดทนกับความเพ้อเจ้อของตัวเอกไปสักระยะ เมื่อคุณเริ่มเข้าใจโลกในเรื่อง จากนั้นเมื่อดูไปถึงประมาณตอนที่ 9 เป็นต้นไป หรืออย่างช้าที่สุดคือจนถึงตอนที่ 12 มั่นใจได้เลยว่า ทุกคนที่ดูจะเปลี่ยนมุมมองที่มีต่ออนิเมะเรื่องนี้ไปแบบกลับตาลปัตร
เพราะครึ่งหลังของเรื่องนี้ คือ “ของจริง” แล้วเมื่อนั้นก็จะเข้าใจว่า ทำไมครึ่งแรกของเรื่องถึงเดินเรื่องได้ช้า และเต็มไปด้วยอะไรก็ไม่รู้ที่ดูแล้วน่ารำคาญแทรกไว้ตลอด แล้วจะกลายเป็นว่าทุกอย่างที่ปูมาตั้งแต่ฉากแรกสุดของเรื่อง ทุกอย่างล้วนสมเหตุสมผลและมีความเชื่อมโยงกับเรื่องราวทั้งหมจนถึงฉากสุดท้ายที่สามารถสรุปเรื่องราวได้อย่างน่าประทับใจเอามากๆ ชนิดที่ว่าดูจบแล้วหลายคนอาจจะยกให้เรื่องนี้เป็นสุดยอดอนิเมะได้ดวงใจไปเลยก็ได้
ดังนั้น ปัญหาอย่างเดียวของเรื่องนี้เลยอยู่ที่ ช่วงแรกของเรื่อง หากคุณผ่านไปได้ หลังจากนั้นที่คุณจะได้รับชมคือสุดยอดอนิเมะไซไฟที่ดีที่สุดตลอดกาลเรื่องหนึ่งของโลกเลย เพราะองค์ประกอบที่เหลือมันสมบูรณ์แบบมาก ไม่ว่าจะเป็น งานภาพ เพลงประกอบ บท ตัวละคร โดยเฉพาะตัวเอกอย่าง รินทาโร่ ที่เปิดเรื่องมาอาจจะดูเป็นตัวละครสุดแสนน่ารำคาญ แต่เมื่อดูจบแล้วคุณอาจจะรักตัวละครนี้ไปเลย
สำหรับแนวเรื่อง ถ้าใครที่เคยดูทั้งเรื่องนี้และดูซีรีส์ Dark ของ Netflix มาแล้ว อาจจะรู้สึกได้ว่า Dark มีพลอตเรื่องบางจุดที่คล้ายกันอยู่ โดยเฉพาะตอนจบซีซัน 2 ที่มีการปูเรื่องราวในซีซัน 3 แล้วพบว่าคล้ายกับ สไตน์เกท เรื่องนี้เอามากๆ โดยเฉพาะในด้านแนวคิดของเรื่อง แต่ก็ถือว่าทั้งสองเรื่องมีความแตกต่างกันพอสมควรอยู่ ซึ่งก็ไม่ได้แปลว่า Dark ซึ่งสร้างทีหลังจะลอกเลียนแบบมา เพราะสไตล์ของเรื่อง และแนวคิดเรื่องเวลา มีความแตกต่างในรายละเอียดกันอยู่เหมือนกัน
สรุปภาพรวม
นี่คือสุดยอดอนิเมะไซไฟในระดับที่ “ต้องดู” สักครั้งในชีวิต ซึ่งสามารถรับชมได้ทั้งสองภาคที่มีใน Netflix คือ Steins Gate และ Steins Gate 0 และยังมีบทสรุปของทั้งสองภาคอีกทีอยู่ในฉบับมูวี่ (ฉบับมูวี่ยังไม่มีใน Netflix) และไม่ใช่ Original Netflix อาจจะไม่ได้อยู่ตลอดต้องรีบดูครับ
สำหรับภาคซีโร่ เป็นส่วนขยายที่ช่วยเติมเต็มทำให้ภาคหลักที่มันสุดยอดอยู่แล้ว ยิ่งสุดยอดอลังการขึ้นไปอีก ถึงแม้ว่าในแง่ของบทและการเดินเรื่องในภาคซีโร่จะดูดรอปลงจากภาคหลักอยู่บ้าง แต่มันกลับทำถึงมากในแง่ของพัฒนาการตัวละครและการไล่ระดับของเรื่องราวให้ไปสู่ฉากพีคและฉากประทับใจต่างๆ รวมถึงบทสรุปของเรื่องที่ไปเชื่อมโยงกับภาคแรกด้วย แนะนำให้ดูเช่นกัน และจะยิ่งหลงรักเหล่าตัวละครในเรื่องนี้มากขึ้นไป
ปล.เรื่องนี้เป็นอนิเมะที่ได้คะแนนโหวตใน IMDB สูงอันดับต้นๆ
จุดเด่น
เนื้อเรื่องสุดยอด เป็นอนิเมะไซไฟแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เรื่องอื่นเลียนแบบได้ยากมาก
คาแรคเตอร์ตัวละครสุดยอดมาก มีพัฒนาการเยี่ยม
รินทาโร่ ตัวเอกของเรื่องเปิดตัวมาแบบน่ารำคาญ แต่จะกลายเป็นสุดยอดพระเอกเมื่อดูจนจบ
เพลงประกอบเพราะเกือบหมด
ฉากพีคสำคัญของเรื่องเข้าขั้นสุดยอด
บทโรมานซ์ทำได้ดีมาก เป็นหัวใจเรื่องก็ว่าได้
จุดด้อย
1-4 ตอนแรก เข้าขั้นน่าเบื่อ ตัวเอกดูเพ้อเจ้อ ถ้าทนผ่านได้จะเข้าใจว่าเพราะอะไร
ภาคซีโร่เดินเรื่องดรอปลงจากภาคแรก แต่ช่วงท้ายกลับมาพีคได้ไม่แพ้กัน
สรุป
สุดยอดอนิเมะไซไฟที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลเรื่องหนึ่ง อยู่ในระดับที่ “ต้องดู” สักครั้งในชีวิต ผสมผสานทั้งแนว ไซไฟ ดราม่า โรมานซ์ ทริลเลอร์ เข้ามารวมด้วยกันอย่างไม่น่าเชื่อ